คสช.เดินหน้าปฏิรูปสถาบันการเงินของรัฐ เริ่มจากเปลี่ยนบอร์ดใหม่ยกชุด และตั้งประธานบอร์ด 3 แบงก์สำคัญ ส่งผู้บริหารแบงก์ชาติ คุมธอส.และ เอสเอ็มอีแบงก์ ส่วนออมสิน ให้ส่ง ดร.สมชัย มือดีจาก ก.คลังเข้าไปดูแล ส่วนไอแบงก์ตอนนี้เหลือบอร์ดแค่คนเดียว รอ คสช.อนุมัติใหม่ ก่อนเดินหน้าหาผู้จัดการคนใหม่ ในที่ประชุมผู้ถือหุ้น 1 ส.ค.นี้
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการในสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (แบงก์รัฐ) ได้แก่ ธนาคารออมสิน แต่งตั้งให้ นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เป็นประธานคนใหม่ แทน นางชูจิรา กองแก้ว ประธานกรรมการธนาคารออมสินคนเก่าที่ได้ยกทีมยื่นใบลาออกยื่นให้ คสช. อนุมัติเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ คสช. ยังเห็นชอบให้ นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะเกษียณในเดือน ต.ค. นี้ เข้ามาเป็นประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แทนนายประสิทธิ์ สืบชนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ที่ยกทีมลาออกไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
ทั้งนี้ ยังเห็นชอบให้นางสาลินี วังตาล ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายกำกับสถาบันการเงิน ที่กำลังจะเกษียณเดือน ต.ค. นี้เช่นกัน เข้ามารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) แทน นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมการเอสเอ็มอีแบงก์ ที่ยื่นใบลาออกทั้งชุดมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นางสาลินี วังตาล ที่ในขณะนี้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ กำกับสายการเงินโดยเฉพาะ ในอดีตเคยทำงานในธนาคารพาณิชย์ โดยได้นั่งตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการธนาคารทหารไทย และผลงานที่สำคัญคือ การขายธนาคารนครหลวงไทยออกไปจากการถือหุ้นของกองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งขายให้กับธนาคารธนชาตไปด้วยเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาท
ส่วนกรรมการคนอื่นในเอสเอ็มอีแบงก์นั้นมีมาทั้งจากผู้แทนกระทรวงการคลัง เช่น สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)รวมถึงคนเก่าๆ ของเอสเอ็มอีแบงก์เอง และคนจากอัยการสูงสุด
ด้านนายครรชิต สิงห์สุวรรณ์ รักษาการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารเมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา มีคณะกรรมการยื่นหนังสือลาออก 3 ราย ประกอบด้วย นายเปรมกมล ทินกร ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการ นายวันชาติ สันติกุญชร กรรมการ และนายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ กรรมการ ส่งผลให้ในคณะกรรมการเหลืเพียง 1 ท่าน คือ นายภาณุ อุทัยรัตน์ กรรมการ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.2557
ก่อนหน้านี้ มีกรรมการที่หมดวาระ 4 รายได้แก่ นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ นางสาวบัณฑรโฉมแก้วสะอาด นายอัษฎางค์ ศรีศุภรพันธ์ นายอดิศักดิ์ อัสมิมานะ แต่ที่ผ่านมาธนาคารยังคงสามารถประชุมคณะกรรมการได้ จนกว่าจะมีคณะกรรมการชุดใหม่ และประชุมตามวาระเท่าที่จำเป็นตามกฎหมายเท่านั้น สำหรับรายชื่อคณะกรรมการชุดใหม่ คาดว่าจะสามารถสรุปเพื่อเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติได้วันที่ 1 ส.ค.นี้ และเมื่อมีคณะกรรมการครบแล้ว จึงจะสรรหาผู้จัดการคนใหม่ได้ไม่เกิน 30 วัน
“ตามพ.ร.บ.ของไอแบงก์นั้น คณะกรรมการจะต้องถูกอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นไปได้ว่าทางกระทรวงการคลังจะเสนอรายชื่อบอร์ดใหม่ทั้งชุดให้ คสช.เห็นชอบ จากนั้นจะนำเข้าในที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 1 ส.ค.นี้” นายครรชิต กล่าว
ทั้งนี้ตามที่ คสช.ได้มีนโยบายปรับเปลี่ยนคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ เพื่อเป็นไปตามความเหมาะสม และปรับเปลี่ยนในส่วนของค่าตอบแทนสิทธิประโยชน์รัฐวิสาหกิจต่างๆ ทั้ง 56 แห่ง โดยกระทรวงการคลังได้ส่งหนังสือขอความร่วมมือไปยังรัฐวิสาหกิจ 56 แห่ง ทั้งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อพิจารณาปรับลดเงินเบี้ยเลี้ยงพิเศษของคณะกรรมการ และรายงานกลับมายังกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาอีกครั้ง
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ค่าตอบแทนของรัฐวิสาหกิจบางแห่งเอื้อประโยชน์แก่กรรมการมากเกินไป ซึ่งการจ่ายค่าเบี้ยประชุมให้แก่ประธานบอร์ดและบอร์ด ตามมิติคณะรัฐมนตรีถูกกำหนดไว้ว่าบอร์ดจะได้รับเงินจากเบี้ยประชุมเดือนละ 10,000 บาท หรือ แม้จะมีการประชุมเกินกว่า 1 ครั้งต่อเดือน
ทั้งนี้ หากคณะกรรมการถูกแต่งตั้งขึ้นจะเพิ่มอีก 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งถือเป็นอัตราผลตอบแทนที่ต่ำมาก ทำให้บอร์ดรัฐวิสาหกิจบางแห่งอาศัย พ.ร.บ.จัดตั้งองค์กรของตนเอง เพิ่มเงินเบี้ยเลี้ยงพิเศษและสวัสดิการอื่นๆ นอกเหนือไปจากเบี้ยประชุมที่ได้รับประจำ
สำหรับเบี้ยเลี้ยงกรรมการธนาคารออมสินมีอำนาจในการเบิกเบี้ยเลี้ยงพิเศษได้ไม่จำกัดวงเงิน แต่ไม่เกินเท่าที่จ่ายจริง ส่วนธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) นั้น เบิกเบี้ยเลี้ยงพิเศษได้ 375,000 บาทต่อปีและกรรมการเบิกได้ 300,000 บาทต่อปี และมีสิทธิ์ในการใช้รถยนต์มูลค่าไม่เกิน 6.5 ล้านบาทต่อคน ด้านเอสเอ็มอีแบงก์ ได้เบี้ยเลี้ยงพิเศษปีละ 500,000 บาท เช่นเดียวกับตำแหน่งประธานบริหาร กรรมการปีละ 200,000 บาท
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ได้มีรัฐวิสาหกิจเข้ารายงานต่อคสช.แล้ว บางรายได้ว่า มีเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายเพียงเดือนละ 3,100 บาทต่อเดือนเท่านั้น แต่ในรายงานบันทึกการเบิกจ่ายมีค่าสโมสรและการจ่ายเงินจัดเลี้ยงเป็นค่าอาหารในครั้งเดียวเป็นจำนวนเงินสูงถึง 800,000 บาทด้วย โดยกระทรวงการคลังจะส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบต่อไป สำหรับรัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ยังมีการส่งข้อมูลมาค่อนข้างน้อย แต่ค่าเบี้ยเลี้ยงหรือผลตอบแทนเป็นไปตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น ทำให้ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี