“ประยุทธ์” ส่งคืนแผนปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน และก๊าซ ขณะที่ “ประจิน” ถอยกลับมาเริ่มทำประชาพิจารณ์ใหม่ตลอดเดือนส.ค. 2557 นี้ ก่อนเสนออีกรอบ ด้าน “บอร์ด ปตท.” เดินหน้าเปิดเสรีท่อก๊าซฯ ให้เสร็จก่อนเลือกตั้งใหม่ พร้อมตั้ง “รังสรรค์” นั่งกรรมการ แทน “สมชัย” แล้ว
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยความคืบหน้าในการปรับ
โครงสร้างราคาน้ำมัน และราคาก๊าซ ว่า ที่ผ่านมาได้ส่งแนวทางการปรับโครงสร้างราคาพลังงานของน้ำมัน และก๊าซให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.พิจารณาแล้ว แต่พล.อ.ประยุทธ์ ได้ส่งคืนมาเพื่อให้กลับไปทบทวนใหม่ โดยให้เหตุผลว่า ความเป็นมายังไม่ชัดเจน หากประกาศออกไปจะทำให้ประชาชนไม่เข้าใจได้
“การปรับโครงราคาน้ำมันและก๊าซ ต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนก่อน จึงต้องกลับมาทำประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นจากประชาชน โดยกำหนดให้เดือนส.ค. 2557 เป็นเดือนแห่งการทำความเข้าใจกับสาธารณะชน โดยจะจัดเสวนาทางวิชาการ 1-2 ครั้งเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ารับฟังและแสดงความเห็น ก่อนจะสรุปเพื่อเสนอหัวหน้า คสช.ใหม่ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลาว่าจะประกาศโครงสร้างราคาน้ำมัน และก๊าซได้เมื่อไหร่” พล.อ.อ.ประจิน กล่าว
นอกจากนี้ คสช.มองว่า การปรับโครงสร้างครั้งนี้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงปัจจัยด้านราคาจำหน่าย ภาษีสรรพสามิต และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีผลต่อผู้ใช้พลังงานดังกล่าว นอกจากนี้กระบวนการบริหารจัดการโครงสร้างราคาน้ำมัน และก๊าซยังมีความซับซ้อนสูง อาทิ การนำเงินจากผู้ใช้น้ำมันเบนซินไปพยุงราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) เพื่อให้จำหน่ายในราคาต่ำ ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้ใช้น้ำมัน เป็นต้น ทั้งนี้ คสช.เห็นว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก จึงต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนก่อนจะประกาศปรับโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซ
สำหรับราคาน้ำมันที่จะปรับโครงสร้างได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมด ส่วนก๊าซที่จะปรับโครงสร้างคือ แอลพีจีและก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์(เอ็นจีวี) ส่วนการปรับโครงสร้างพลังงานชนิดอื่น อาทิ การเปิดประมูลสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 เป็นต้น จะต้องนำเสนอต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เป็นผู้พิจารณาต่อไป
“การปฏิรูปโครงสร้างราคาน้ำมัน และก๊าซจะไม่สามารถเสร็จทันในเดือนก.ค. 2557 นี้ เพราะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนก่อน เนื่องจากการปรับโครงสร้างมีผลกระทบต่อตัวราคาที่จำหน่าย ภาษีและกองทุนน้ำมันฯ ดังนั้น ในเดือนส.ค. 2557 นี้ ผมจะให้เป็นเดือนแห่งการเปิดรับฟังความเห็นสาธารณะ ซึ่งจะจัดประมาณ 1-2 รอบ จากนั้นจะรวบรวมและจัดทำเป็นแนวทางปฏิรูปราคาดังกล่าวอีกครั้งเพื่อเสนอต่อหัวหน้าคสช.พิจารณาต่อไป” พล.อ.อ.ประจิน กล่าว
ด้าน นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแยกธุรกิจท่อก๊าซฯ ออกจาก ปตท. คงต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรเพราะยังมีบางประเด็นที่ยังติดขัด อาทิ ประเด็นภาษี แม้ว่ามติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อปี 2544 ให้มีการยกเว้นภาษีบางส่วนก่อนการแปรรูป ปตท. แต่จำเป็นต้องนำประเด็นดังกล่าวเข้ามาพิจารณาด้วย
นอกจากนี้ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังาน(กกพ.) อยู่ระหว่างกำหนดร่างระเบียบเพื่อให้บุคคลที่ 3 สามารถเข้ามาใช้ท่อก๊าซฯได้ โดยข้อดีของการแยกธุรกิจท่อก๊าซฯออกจากปตท. ก็เพื่อลดการผูกขาดในธุรกิจก๊าซ และกกพ.สามารถเข้ามาดูแลท่อก๊าซฯได้อย่างโปร่งใสมากขึ้น นอกจากนี้ในส่วนของผู้ถือหุ้นจะได้ผลประโยชน์ระยะยาว เพราะสังคมจะมองภาพของปตท.ดีขึ้น อย่างไรก็ตามแผนทั้งหมดจะดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้ง
บอร์ด ปตท. กำลังอยู่ระหว่างการขายหุ้นโรงกลั่นน้ำมันสตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง หรือ เอสพีอาร์ซี โดยปัจจุบัน ปตท.ถือหุ้นอยู่ 36% และโรงกลั่นน้ำมันบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ปตท.ถือหุ้น 27.22% คาดว่าการขายหุ้น คงใช้ระยะเวลาการดำเนินงานไม่นานนัก
ด้าน นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 7/2557 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2557 มีมติแต่งตั้งนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ กรรมการ แทนนายสมชัย สัจจพงษ์ ส่วนนายดอน วสันตพฤกษ์ เป็นกรรมการอิสระ แทนนายบุญสม เลิศหิรัญวงศ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2557 เป็นต้นไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี