คนกฟผ.แฉสูญเงินปีละ2หมื่นล.
เหตุบริหารสายส่งผิดพลาด
เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าไม่คุ้มทุน
แหล่งข่าวจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กฟผ.กำลังประสบปัญหา ด้านการบริหารจัดการการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าทั้งประเทศ โดยเฉพาะในเขตภาคใต้และภาคกลางที่มีปัญหาเรื่องระบบสายส่งไม่ทั่วถึง ทำให้กฟผ.ต้องสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่ต้นทุนด้านเชื้อเพลิงสูง เช่น โรงไฟฟ้ากระบี่ ในเขตภาคใต้ต้องเดินเครื่องด้วยน้ำมันเตา ซึ่งมีต้นทุนค่าเชื้อเพลิงสูงถึง 7.50 บาท/หน่วย หรือโรงไฟฟ้าบางปะกง โรงไฟฟ้าพระนครใต้ เป็นต้น ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าเก่ามีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าต่ำ มีค่าต้นทุนด้านเชื้อเพลิงประมาณ 3-3.50 บาท/หน่วย ซึ่งจากการบริหารจัดการผิดพลาดนี้ทำให้กฟผ.ต้องสูญเสียเงินไปปีละไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท
ทั้งนี้โดยปกติกฟผ.ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าทั่วประเทศทั้งโรงไฟฟ้า ของ กฟผ. และโรงไฟฟ้าเอกชนตามต้นทุนการผลิต โดยจะให้สั่งโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนการผลิตต่ำที่สุดเป็นผู้เดินเครื่องก่อน เช่นโรงไฟฟ้าพลังน้ำ หรือโรงไฟฟ้าถ่านหิน จากนั้นจึงเป็นโรงไฟฟ้าประเภทอื่นๆ ที่มีต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ เรียกว่า merit order แต่จากการบริหารจัดการที่ผิดพลาด การลงทุนระบบสายส่งทั่วประเทศไม่สอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่ ทำให้กฟผ.ไม่สามารถสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่ตาม merit order ได้ แต่ต้องสั่งให้โรงไฟฟ้าของกฟผ.ที่มีประสิทธิภาพต่ำ ต้นทุนการผลิตสูงเดินเครื่องแทน หรือ must run ซึ่งการบริหารจัดการที่ผิดพลาดเช่นนี้ส่งผลให้ประเทศต้องสูญเสียเงินในแต่ละปีจำนวนมาก
“ขณะนี้กฟผ.ได้มีประเมินความเสียหายจากกรณี must run ประมาณ 20,000 ล้านบาท/ปีประกอบด้วย ในเขตภาคใต้ มีปัญหาเรื่องระบบสายส่งมีข้อจำกัด ทำให้ต้องเดินเครื่องจากโรงไฟฟ้าขนอม ซึ่งมีปัญหาเรื่องต้นทุนเชื้อเพลิงสูงถึง 3.50-4 บาท/หน่วย โรงไฟฟ้ากระบี่ ต้นทุนเชื้อเพลิงสูงถึง 7.50 บาท/หน่วย”
ส่วนในเขตภาคกลาง มีปัญหาเรื่องข้อจำกัดของระบบสายส่งทำให้โรงไฟฟ้าเขตนครหลวงฝั่งตะวันตกไม่สามารถจ่ายไฟไปฝั่งตะวันออกได้ และโรงไฟฟ้าในเขตภาคกลางตอนบนไม่สามารถจ่ายไฟมายังเขตนครหลวงได้ ทำให้ต้องสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าบางปะกง โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และโรงไฟฟ้าอีสเทิร์น เพาเวอร์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าเก่า มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิงเฉลี่ยประมาณ 3 บาท/หน่วย ส่วนในเขตภาคตะวันตก กฟผ.ต้องซื้อก๊าซจากพม่าตามข้อตกลงทำให้ต้องสังเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพต่ำ เช่น โรงไฟฟ้าราชบุรีพลังความร้อน มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิงสูงถึง 4 บาท/หน่วย โรงไฟฟ้า ราชบุรีพลังความร้อนร่วม และโรงไฟฟ้าไตรเอ็นเนอร์จี มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิงเฉลี่ย 2.80 บาท/หน่วย
“หากทางผู้บริหารกฟผ.มีการบริหารจัดการเรื่องระบบสายส่งที่ดี ประเทศก็ไม่เสียหายเช่นนี้ อย่างที่ภาคใต้หากมีการลงทุนปรับปรุงระบบ สายส่งจากเขื่อนรัชชประภาไปจังหวัดพังงา ภูเก็ต ก็จะทำให้ไม่ต้องเดินเครื่องโรงไฟฟ้ากระบี่ที่ใช้น้ำมันเตาตลอดเวลาซึ่งแพงมากก็จะช่วยลดความสูญเสียในภาคใต้ไปได้มาก หรืออย่างภาคตะวันออก ถ้ามีการปรับปรุงระบบสายส่งให้สามารถนำไฟฟ้าจากภาคตะวันออกมาที่สถานีไฟฟ้าบางปะกงได้ ก็ไม่ต้องเดินเครื่องโรงไฟฟ้าบางปะกงเครื่องที่ 1 และ 2 ที่เก่ามากหมดอายุการใช้งานไปแล้ว”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี