คลังเดินหน้าตั้งบริษัทท่อก๊าซ
ส่งกองทุนวายุภักษ์เข้าถือหุ้น
ยันโปร่งใส/ลดการผูกขาด
“ปลัดพลังงาน” ชี้ผลดีให้ ปตท.แยกธุรกิจท่อก๊าซออกมาเพื่อลดการผูกขาด สร้างความโปร่งใส เป็นธรรม ขณะที่ราคาก๊าซอาจปรับลดลงมาได้อีก ขณะที่ “คลัง” หนุน
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) มีมติก่อนหน้านี้ให้ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) แยกกิจการท่อก๊าซออกมาตั้งบริษัทใหม่ และให้คลังไปถือหุ้นเพิ่ม 25% นั้น กระทรวงการคลังมีแนวคิดให้ กองทุนวายุภักษ์ เข้าไปถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วน 25% ตามมติกพช. โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาใช้แหล่งทุนที่จะดำเนินการ ต้องรอให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นกองทุนวายุภักษ์ก่อน ส่วนการแปรรูปบริษัทท่อก๊าซเข้าขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯนั้นคงต้องมาพิจารณาและศึกษาถึงข้อดีข้อเสียอีกครั้ง
สำหรับการเข้าไปถือหุ้นดังกล่าวทำให้สัดส่วนของกระทรวงการคลังถือหุ้นในปตท.มากขึ้นจากปัจจุบันมีอยู่ 65% โดยแบ่งเป็น
สัดส่วนที่คลังถือหุ้นโดยตรง 51% และกองทุนวายุภักษ์ 14%
ส่วนกรณีที่มีข้อสงสัยว่า ปตท.โอนท่อก๊าซส่งคืนมาคลังไม่ครบนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลกับกรมธนารักษ์ยืนยันว่าปตท.ได้คืนท่อก๊าซฯแล้ว ในส่วนบนพื้นดินมูลค่า 15,000 ล้านบาท มาให้กรมธนารักษ์ ในช่วงปี 2551 ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองเมื่อปี 2550 และ ปตท.ต้องจ่ายค่าเช่าให้กรมธนารักษ์เฉลี่ยปีละ 500-550 ล้านบาท สำหรับท่อก๊าซในทะเลนั้น มีข้อยุติแล้วว่าไม่ต้องโอนมาที่กระทรวงการคลัง ซึ่งศาลปกครองก็ไม่ได้มีข้อสงสัยใดๆ ดังนั้นกรณีนี้จึงถือว่าเป็นยุติแล้ว
ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ให้ไปตรวจสอบบริษัทลูกรัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นมาถึง 300 แห่ง แล้วว่ามีสถานะการเงินเป็นอย่างไรและบางแห่งมีผลขาดทุน จำเป็นต้องไปดูว่าตั้งขึ้นมาทำหน้าที่อย่างเหมาะสมหรือไม่ เพราะบางแห่งในช่วงแรกอาจจะมีผลขาดทุนบ้าง แต่ในระยะยาวจะเป็นประโยชน์กับบริษัท ซึ่งต้องพิจารณากัน
“กำลังให้สคร.ไปเก็บข้อมูลว่าบริษัทลูกรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะ ปตท.นั้นมีการตั้งบริษัทลูกขึ้นกว่า 200 แห่ง บางบริษัทที่ตั้งขึ้นมาขาดทุนเกิดจากอะไร และต้องเข้าไปดูถึงแนวโน้มการดำเนินธุรกิจด้วยว่าเป็นอย่างไรมีโอกาสจะมีกำไรในอนาคตหรือไม่” นายรังสรรค์ กล่าว
ด้านนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวยืนยันถึงกรณีการแยกธุรกิจท่อก๊าซ ของบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) ว่า การแยกธุรกิจท่อก๊าซดังกล่าวเป็นไปด้วยความโปร่งใส เพื่อประโยชน์ของประชาชนให้สามารถซื้อก๊าซในราคาที่ต่ำกว่าการปล่อยให้มีบริษัทท่อก๊าซ(ปตท.)เพียงรายเดียว ซึ่งจะทำให้เกิดการตรวจสอบโครงสร้างต้นทุน ส่งผลดีต่อผู้ใช้ก๊าซให้ได้รับทราบ ต้นทุนทั้งระบบ รวมทั้งลดการผูกขาดเพราะบุคคลที่สามสามารถเข้าใช้บริการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ทำให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจการค้าก๊าซธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติทั้งภาคไฟฟ้า และอุตสาหกรรมได้รับประโยชน์ด้านราคา และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพของเหลวเป็นก๊าซให้มีการใช้งานอย่างเต็มที่
“การแยกท่อก๊าซครั้งนี้ จะไม่มีการแปรรูป คือ จะไม่มีการนำเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นอันขาด เพราะตามแผนของภาครัฐจะให้กองทุนวายุภักษ์ซึ่งมีสภาพคล่องกว่า 1 แสนล้านบาท เข้าถือหุ้นดังกล่าว โดยจะมีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ออกกฎเกณฑ์ในการดูแล หรือ TPA ช่วงมีนาคม 2558” นายอารีพงศ์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี