บี้รายย่อยแก้หวยแพง
กองสลากฯเรียกขึ้นทะเบียน
เริ่มงวด16กย.-ไม่เกิน92บาท
ขู่ตรวจจับเจอ2ครั้งยึดโควตา
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงการออกมาตรการแก้ปัญหาขายสลากเกินราคาว่า สำนักงานได้เรียกผู้ที่รับโควตาสลากรายย่อย คนพิการ มูลนิธิ ที่ได้ต่อสัญญาโควตาสลาก 43 ล้านฉบับและอีก 2 ล้านฉบับต้องมาแสดงตัวลงทะเบียนเพื่อขอรับบัตรผู้ค้าสลากตั้งแต่วันที่ 28- 31ส.ค. นี้
สำหรับหลักฐานที่ต้องนำมายื่นในการขึ้นทะเบียน พร้อมรูปถ่าย 1.5 นิ้ว เพื่อมาขอทำบัตรประจำตัวสำหรับผู้ค้าสลากรายย่อย โดยแยกเป็นบัตรสีส้มเป็นผู้ค้าในกรุงเทพ ส่วนบัตรสีเขียวสำหรับผู้ค้าในต่างจังหวัด และให้นำบัตรมาใช้รับสลากงวด 16 กันยายนนี้ ซึ่งจะเปิดให้รับสลากไปจำหน่ายได้ตั้งแต่ 1 กันยายนเป็นต้นไป
ทั้งนี้บัตรแสดงตัวผู้จำหน่ายสลากรายย่อยดังกล่าว จะใช้ควบคู่ไปกับสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่มีการประทับเครื่องหมายหน้าสลาก เป็นรูปสี่เหลี่ยมสีน้ำเงิน จำนวน 43 ล้านฉบับ ตั้งแต่งวดวันที่ 16 ก.ย.นี้เป็นต้นไปเพื่อทดสอบตลาดในระยะสั้น เพื่อให้ประชาชนทั่วไปทราบว่า ผู้ค้าดังกล่าวเป็นรายย่อยหรือไม่ มีการสวมสิทธิหรือไม่ และขายเกินราคาหรือไม่
“งวด 16 ก.ย. นี้สลากที่ขายรายย่อยทั้ง 45 ล้านฉบับจะปั๊มตราสีน้ำเงิน ส่วนผู้ค้าจะติดป้ายชื่อมีรูปชัดเจน จึงขอผู้ซื้อทั่วไปรู้ว่าคนเหล่านี้รับสลากมาในราคา 74.40 บาท ซึ่งราคาที่สำนักงานสลาก ต้องการให้ขายไม่เกิน 90 บาทหรือเต็มที่ 92 บาท ซึ่งจะมีกำไรคู่ละ 15-16 บาทแล้วเชื่อว่าเพียงพอแล้ว” นายสมชัยกล่าวย้ำ
และว่าถ้าผู้ซื้อพบว่าผู้ค้าขายเกินราคาขอให้ 1.อย่าเพิ่งตัดสินใจซื้อ หรือ 2.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม และถ้าพบขายเกินราคา2 ครั้งจะยึดโควตาคืน ขณะที่ในระหว่างวันที่ 28-31 ส.ค.ถ้าผู้ค้ารายย่อยไม่มาขึ้นทะเบียนก็จะถูกตัดสิทธิ์โควตาจำหน่ายเช่นเดียวกัน โดยสำนักงานสลาก จะเปิดรับสมัครผู้ค้าสลากรายย่อย คนพิการ และมูลนิธิสมาคม เพื่อเอาทดแทนโควตาที่ถูกยกเลิกไป
สำหรับโควต้าสลากสำหรับนิติบุคคล ที่จะไม่มีการประทับตาเครื่องหมายสี่เหลี่ยม อีกกว่า 30 ล้านฉบับ เชื่อว่าเมื่อเข้มงวดกับผู้ค้ารายย่อยมากขึ้น จะเป็นแรงกดดันให้ผู้ค้ากลุ่มนี้ไม่ปรับเพิ่มราคาขาย ซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาด นอกจากนี้ยังให้ไปจัดทำแผนกระจายโควตาสลากให้ชัดเจนอีกครั้งว่าจะจัดสรรให้กับใคร พื้นที่ใด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการสวมสิทธิ์รวมชุดขายราคาแพงและตรวจสอบว่าปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้หรือไม่
ขณะเดียวกัน สำนักงานสลากได้ปรับวันรับสลากไปจำหน่ายใหม่ จากเดิมที่จะต้องรับสลากในงวดต่อไป ก่อนวันออกสลาก 3-5 วัน ให้มารับสลากงวดต่อไปหลังวันที่สลากงวดล่าสุดออกแล้ว เช่น สลากที่ขายจะออกในงวดวันที่ 16 ก.ย.2557 ก็ต้องมารับสลากขายได้ตั้งแต่วันที่ 1-8 ก.ย.เท่านั้น จากเดิมรับได้ตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. ทำให้เห็นว่ามีระยะเวลามากเกินจำเป็น และสามารถไปรวมชุดขายเกินราคาได้
นายสมชัย กล่าวว่า สำหรับแผนระยะยาวนั้น อยู่ระหว่างการศึกษาความเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อเรียกร้องให้เพิ่มราคาสลากเป็น 100 บาท หรือการ แนวทางการจัดสรรสลากผ่านยี่ปั๊ว จำเป็นต้องมีไว้อยู่หรือไม่ โดยเป็นหน้าที่ที่ผอ.สลากฯคนใหม่ต้องดำเนินการ และคาดว่าจะอยู่ในแผนโฉมใหม่ของการปฏิรูปสลากในงวดวันที่ 16 ม.ค.2558 นี้
เมื่อถามว่า ทำไมไม่ยกเลิกโควต้าสลากผู้ค้าจำนวน 43 ฉบับเพื่อแก้ปัญหาราคาแพง นายสมชัย กล่าวว่า เมื่อพิจารณาข้อกฎหมาย รวมถึงมติคณะกรรมการชุดที่ผ่านมาแล้วพบว่าไม่สามารถยกเลิกโควต้าสลากฯดังกล่าวได้ และต้องมีการต่อสัญญาถึง มิ.ย.2558 แต่ก็จะพิจารณาแนวทางควบคุมให้รายย่อยให้เข้มงวดในการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาไว้ แต่ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะที่จะควบคุมราคาขาย 80บาทเพราะเป็นสินค้าการพนัน มอมเมา
พล.ต.ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลาก กล่าวว่า ในการดูแลราคาสลากระยะยาว จะต้องเน้นในเรื่องของกลไกตลาดมาควบคุมราคา โดยรูปแบบจะเป็นอย่างไรนั้น ยังไม่ได้มีการหารือ เนื่องจากช่วงนี้จะต้องเน้นไปที่แผนการระยะสั้น ที่จะตรวจสอบผู้ค้ารายย่อย 43 ล้านฉบับนี้ก่อน โดยสำนักงานจะเพิ่มเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบพื้นที่มากที่สุด และขอความร่วมมือให้ประชาชน อย่าซื้อสลากเกินราคา เนื่องจากต้นทุนสลากแค่ 74.40 บาทต่อฉบับเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี