17 ก.ย.57 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือนสิงหาคม 2557 ว่า ความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยอยู่ที่ระดับ 88.7 ปรับตัวลดลงจากระดับ 89.7 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยค่าดัชนีฯที่ลดลงเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 102.4 ปรับตัวลดลงจาก 103.1 ในเดือนกรกฎาคม โดยค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯคาดการณ์ที่ลดลง เกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ
ทั้งนี้ จากการสำรวจ พบว่า ผู้ประกอบการมีความกังวลต่อการชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศ สะท้อนจากดัชนียอดคำสั่งซื้อ และยอดขายในประเทศที่ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าคงทนประเภทรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องจักรกลการเกษตร เป็นต้น ประกอบกับในหลายพื้นที่ของประเทศเกิดภาวะน้ำท่วม ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการขนส่งสินค้าและการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการเชื่อมั่นว่าเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลจะสามารถผลักดันนโยบายและมาตรการที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า เมื่อพิจารณาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบการอุตสาหกรรมในเดือนสิงหาคม 2557 พบว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน และสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ส่วนปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ อยู่ในระดับทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ทางผู้ประกอบการมีข้อเสนอแนะ ต่อภาครัฐในเดือนสิงหาคมนี้ คือ อยากให้ภาครัฐเร่งรัดการลงทุนโครงการต่างๆ ของภาครัฐ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องการให้มีการปรับหลักเกณฑ์การค้ำประกันสินเชื่อเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการSMEs ออกมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพต่ำจากต่างประเทศเพื่อปกป้องผู้บริโภคและผู้ประกอบการในประเทศรวมถึงช่วยส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพแรงงานไทยเพื่อรองรับการเข้าสู่ AEC
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า สำหรับนโยบายการปรับโครงสร้างภาษีต่างๆ ของรัฐบาลเช่นภาษีมรดกนั้นภาคเอกชนสนับสนุนให้ดำเนินการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT ที่วางไว้ในปี 2558 ที่จะต้องปรับไปอยู่ในระดับปกติคือ 10% จากปีนี้ที่คงไว้ระดับ 7% อยู่นั้นมองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2558 จะโตได้ในระดับ 4.5%เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวซึ่งจะทำให้โอกาสการส่งออกของไทยจะเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 4-5% จากปีนี้ที่คาดว่าส่งออกคงจะโตได้ไม่เกิน 2% ดังนั้นการเก็บ VAT ระดับ 10% ก็คงจะเหมาะสมแต่ทั้งนี้หากภาวะเศรษฐกิจไทยไม่เติบโตไปตามเป้าหมายนี้ก็เชื่อว่ารัฐบาลจะพิจารณาทบทวนอีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี