นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการหารือกับสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยอีสาน และสหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ว่า กลุ่มเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้แสดงความเป็นห่วงในนโยบายเพิ่มพื้นที่ปลูกอ้อยของรัฐบาลที่อาจจะส่งผลกระทบทำให้ราคาอ้อยตกต่ำ ซึ่งในเรื่องนี้มองว่านโยบายดังกล่าวของรัฐบาลไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อราคา เพราะอ้อยเป็นพื้นที่สามารถเป็นได้ทั้งอาหาร และนำไปผลิตเป็นพลังงาน หากราคาน้ำตาลตกต่ำ ก็สามารถหันไปผลิตเป็นเอทานอลได้ มีความเสี่ยงด้านราคาน้อยกว่าพืชที่นำไปเป็นอาหารเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ กลุ่มชาวไร่อ้อยยังได้เสนอให้ปรับปรุงระบบการแบ่งปันผลประโยชน์สุทธิที่จะได้รับจากการจำหน่ายน้ำตาลทรายและผลพลอยได้เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาล ซึ่งจะนำมาจัดสรรในอัตราที่เป็นธรรมโดยชาวไร่อ้อยได้รับ 70% และโรงงานน้ำตาลได้รับ 30% เนื่องจากในปัจจุบันโรงงานได้นำผลผลิตจากอ้อยไปต่อยอดเป็นพลังงานเป็นจำนวนมาก เช่น นำกากน้ำตาล และน้ำอ้อยไปผลิตเป็นเอทานอล นำชานอ้อยไปผลิตไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งรายได้ในส่วนนี้ไม่ได้นำมาคำนวณในระบบแบ่งปันผลประโยชน์ ทำให้ชาวไร่อ้อยสูญเสียรายได้ที่ควรจะเป็น
ทั้งนี้มองว่าระบบแบ่งปันผลประโยชน์ 70:30 เป็นกฎหมายที่ใช้มานานถึง 30 ปี จึงควรจะเปลี่ยนระบบใหม่หรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นระบบให้โรงงานมาตกลงราคากับชาวไร่อ้อยรวมทั้งค่าขนส่งอ้อยจากไร่ไปสู่โรงน้ำตาลเลยว่าจะให้ราคาได้เท่าไร เพื่อลดความซับซ้อนในการคำนวณ และลดต้นทุนการขนส่งของเกษตรกร แต่ในระบบนี้อาจจะเกิดปัญหาการแย่งตัดราคาซื้ออ้อยได้ และทำให้ระบบการดูแลชาวไร่อ้อยของโรงงานน้ำตาลเสียไป ซึ่งก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของขาวไร่อ้อย และโรงน้ำตาล ร่วมกันพิจารณาว่าจะมีทางออกอย่างไรแล้วกำหนดเป็นกฎกติกา และรัฐบาลจะมีหน้าที่เพียงควบคุมให้เป็นไปตามกติกาที่กำหนดไว้
ด้านสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยยังได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณายกเลิกมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่กำหนดให้โรงงานจะต้องมีระยะห่างระหว่างกันไม่ต่ำกว่า 80 กิโลเมตร เพื่อป้องกันการแย่งซื้อผลผลิต เนื่องจากชาวไร่อ้อยมีผลผลิตเพิ่ม จึงควรจะเพิ่มโรงน้ำตาลให้มากขึ้น
นอกจากนี้ส่วนของระบบโควตาน้ำตาล ก , ข และ ค นั้น มองว่าควรจะยกเลิกระบบโควตาน้ำตาลเปลี่ยนมาเป็นการใช้ราคาเดียวกันจะดีกว่าหรือไม่ ให้เป็นไปตามกลไกราคาตลาด ซึ่งจะป้องกันการลักลอบส่งออก เนื่องมาจากราคาที่ต่างกันระหว่างโควตาน้ำตาลภายในประเทศ และราคาตลาดโลก รวมทั้งยังลดปัญหาด้านการจัดการ ซึ่งก็ต้องปล่อยให้ชาวไร่อ้อย โรงงานน้ำตาล และคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ไปพิจารณาว่าควรจะปรับเปลี่ยนไปรูปแบบใด
นายชัยวัฒน์ คำแก่นคูณ ประธานที่ปรึกษาชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน กล่าวว่า ระบบแบ่งปันผลประโยชน์ 70:30 ยังมีความจำเป็นสำหรับเกษตรกร เพราะชาวไร่อ้อยมีอำนาจต่อรองกับโรงงานน้ำตาลน้อย หากปล่อยเป็นระบบเสรีก็จะเสียเปรียบโรงน้ำตาล ซึ่งภาครัฐควรจะผลักดันให้ปรังปรุงระบบการแบ่งปันผลประโยชน์นี้ให้เป็นธรรมกับเกษตรกรมากขึ้น โดยการนำรายได้จากการผลิตเอทานอล และไฟฟ้า รวมทั้งผลพลอยได้ต่างๆจากอ้อยเข้ามารวมในสูตรการคำนวณแบ่งปันผลประโยชน์นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี