รมว.คลัง หารือ “หม่อมอุ๋ย” เล็งฟื้นฟู “เอสเอ็มอีแบงก์” เพื่อใช้เป็นกลไกทางเศรษฐกิจ ส่อลอยแพ “ไอแบงก์” พบหนี้เน่าท่วม เตรียมขายหนี้เอ็นพีแอล จำนวน 4 หมื่นล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้หารือกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ถึงแนวทางการแก้ปัญหาของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เนื่องจากการดำเนินกิจการที่ผ่านมาทั้ง 2 ธนาคาร พบการทุจริตส่งผลให้ธนาคารเสียหายรุนแรง จนหนี้เสียหรือเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นสูงรวมถึงมีขาดทุนสะสมเป็นจำนวนมาก
สำหรับแนวทางแก้ปัญหาของทั้ง 2 ธนาคาร หลังหารือเบื้องต้นในส่วนของเอสเอ็มอีแบงก์จะยังไม่พิจารณาควบรวมกับธนาคารออมสิน เพราะขณะนี้ยังต้องใช้ช่องทางของเอสเอ็มอีแบงก์ในการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของประเทศเข้าถึงแหล่งเงินทุน จึงยังเห็นความสำคัญ ดังนั้นรัฐบาลต้องช่วยให้เอสเอ็มอีแบงก์เดินหน้าต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนไอแบงก์ที่ในขณะนี้ประสบปัญหาอย่างมาก โดยกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะมีการยุบหรือควบรวมไอแบงก์หรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาการบริหารงานไอแบงก์เกิดการทุจริต จนธนาคารมีความเสียหายเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกข้อมูลได้มาก
"คลังจะไม่ยุบเอสเอ็มอีแบงก์ เพราะเป็นธนาคารที่มีความสำคัญ แต่เรื่องฐานะของไอแบงก์ยังไม่อยากพูดอะไรมากในตอนนี้ ซึ่งได้ให้นโยบายกับประธานบอร์ดเอสเอ็มอีแบงก์คนใหม่ไปแล้วว่า แบงก์จะดีไม่ดีอยู่ที่การหาคนมาเป็นซีอีโอ ต้องเป็นคนดี มีฝีมือ และซื่อสัตย์" นายสมหมาย กล่าว
แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ต้องการให้นายสมหมาย เห็นชอบแผนการควบรวมเอสเอ็มอีแบงก์ และไอแบงก์เข้ากับธนาคารออมสิน เพราะผลการดำเนินงานที่ผ่านมามีการทุจริตจำนวนมาก ถึงแม้ว่าขณะนี้ทั้ง 2 ธนาคารจะมีประธานคณะกรรมการใหม่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าเป็นคนดีมีความสามารถในการเข้ามาแก้ไขปัญหา แต่กลัวว่าหากรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาในอนาคตก็จะมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการและผู้บริหารธนาคารจนเกิดการทุจริตเสียหายรอบใหม่ได้
ขณะที่รายงานข่าวจาก ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ไอแบงก์) เปิดเผยว่า ไอแบงก์เตรียมพิจารณาขายหนี้เอ็นพีแอล จำนวน 4 หมื่นล้านบาท ภายในเดือนธ.ค.นี้ หากการตรวจสอบฐานะทางการเงิน(ดิวดิลิเจ้นท์) ที่คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์กลางเดือนพ.ย. พบว่ามีหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นจนถึง 5 หมื่นล้านบาทในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบัน ณ สิ้นเดือนส.ค.เอ็นพีแอลอยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท
ในเบื้องต้นได้มีการหารือกับบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด หรือแซม ถึงเรื่องการขายหนี้ โดยจะพิจารณาขายในส่วนของลูกหนี้ทั่วไปที่ไม่ใช่มุสลิมออกไปทั้งหมด และลูกหนี้ที่เป็นมุสลิมแต่ไม่มีศักยภาพ ขาดความสามารถในการชำระหนี้ หรือไม่ได้ประกอบธุรกิจแล้ว อย่างไรก็ตามการขายหนี้ครั้งนี้จะต้องดำเนินการตามพ.ร.บ.ไอแบงก์ ไม่ขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม
“เมื่อทำดิวดิลิเจ้นท์เสร็จแล้ว คาดว่าพบลูกหนี้ไร้ศักยภาพจ่อตกชั้นมากขึ้น อาจส่งผลให้หนี้เสียเพิ่มแตะ 5 หมื่นล้านบาท ทำในปี 2558 ธนาคารจะต้องเร่งปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้นอีกมาก เพื่อนำของใหม่ที่ดีเข้ามายังแบงก์ ซึ่งการปล่อยสินเชื่อใหม่จะต้องเข้มงวดและปล่อยยากกว่าเดิม จะได้ไม่เป็นเนื้อร้ายทำให้แบงก์เสียหายได้อีก” รายงานข่าว ระบุ
นอกจากนี้หากการตรวจสอบดิวดิลิเจ้นท์เสร็จสมบูรณ์ ก็จะนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาเป็นองค์ประกอบในการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการไอแบงก์ใหม่ เนื่องจากแผนเดิมที่ส่งให้กระทรวงการคลังพิจารณานั้น เป็นแผนฟื้นฟูตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งขาดความเป็นปัจจุบัน ทำให้ถูกนำกลับมาแก้ไขให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี