เฉือนเนื้อเข็นทีวีดิจิตอล
ลดค่าต๋ง4%
วัดใจช่อง3ออก‘คู่ขนาน’
กสท.นัดถก23กย.รับ-ไม่รับ
บี้สอบต่อสถานะนิติบุคคล
ขู่ฟันถึงขั้นถอนใบอนุญาต
เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
(กสทช.) มีการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เพื่อพิจารณาแนวทางสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านโทรทัศน์จากระบบอนาล็อกไปสู่ระบบดิจิตอล
โดย พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. ในฐานะประธาน กสท.เปิดเผยหลังการประชุมว่า ที่ประชุมซึ่งประกอบด้วยตนพร้อมด้วย พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ และพ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและกองทุนเพื่อวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (ยูเอสโอ) ร้อยละ 4 ให้กับช่องที่มีการออกอากาศคู่ขนาน เป็นระยะเวลา 5 ปี ส่วนผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลรายใหม่ 24 ช่อง ร้อยละ 2 เป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติขยายระยะเวลาการนำส่งเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ งวดที่ 2 ออกไปอีก 1 ปี เพื่อลดภาระกับผู้ประกอบการที่จะต้องจ่ายในสัดส่วน30% ของเงินตั้งต้นการประมูล และอีก 10% ของส่วนเกินเงินประมูล คิดเป็นเงินจำนวน 8,124.20 ล้านบาท ในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 สำหรับผู้ประมูลทีวีดิจิตอล 24 ช่องธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความรอบคอบ กสท. ต้องส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการที่ปรึกษากฏหมายช่วยพิจารณาเรื่องนี้ว่าขัดกับหลักกฎหมายหรือไม่ก่อน
ด้าน นายธวัชชัย กล่าวว่า แนวทางการคิดลดค่าธรรมเนียมเป็นระยะเวลา 5 ปีดังกล่าว เป็นการประมาณการจากการยุติระบบอนาล็อก และการสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน บริษัทกรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด หรือ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ที่จะสิ้นสัญญาในปี 2568 ซึ่งจากเหตุผลการลดหย่อนดังกล่าว น่าจะเป็นแรงจูงใจที่จะทำให้ช่อง 3 มาออกคู่ขนานในระบบทีวีดิจิตอลได้
ขณะที่ น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า วันที่ 23 กันยายน จะเชิญช่อง 3 มาหารือและสอบถามว่า ตกลงกับข้อเสนอดังกล่าวหรือไม่ รวมทั้งเพื่อตรวจสอบความเป็นผู้มีอำนาจควบคุมเดียวกันตาม ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่ เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ พ.ศ.2556
ทั้งนี้หาก บริษัทบางกอกเอนเตอร์เมนท์ จำกัด ในฐานะผู้ได้รับสัมปทานประกอบการโทรทัศน์ช่อง 3 จาก บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บีอีซีมัลติมีเดีย จำกัด ผู้ได้รับใบอนุญาตทีวีดิจิตอลทั้ง 3 ช่อง เป็นมีผู้มีอำนาจควบคุมเดียวกัน คือ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือหุ้นใหญ่โดยตระกูลมาลีนนท์ นั่นหมายความว่า ช่อง 3 สามารถนำคอนเทนท์ (เนื้อหา) อนาล็อกมาออกอากาศในระบบดิจิตอลโดยไม่ผิดกฎหมาย
“แต่หากช่อง 3 ยืนยันว่าต่างนิติบุคคลกัน ก็จะส่งผลต่อใบอนุญาตผู้ประกอบการรายเดิมของช่อง 3 ซึ่งออกโดยอำนาจตามบทเฉพาะกาล ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งจะต้องส่งให้คณะอนุกรรมการสัญญาสัมปทานไปตรวจสอบต่อไป” น.ส.สุภิญญา กล่าว
ขณะที่มีรายงานข่าวแจ้งว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เป็นแนวทางที่เสนอโดย พล.ท.พีระพงษ์ นายธวัชชัย และ น.ส.สุภิญญา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี