ช่อง3อ้างมติกสท.ยังไม่ชัดเจน ยื้อส่งผัง-รอตั้งกก.หาทางออก
วันอังคาร ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557, 21.23 น.
Tag :
30 ก.ย. 57 เมื่อเวลา 17 .00 น. ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ในนาม บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด และบริษัท บีอีซี มัลติมีเดีย จำกัด นำโดย นายประสาร มาลีนนท์ กรรมการผู้จัดการ นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธ์ รองกรรมการผู้จัดการ นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน และนายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เดินทางมาหารือร่วมกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ในประเด็นเรื่องการออกอากาศคู่ขนานทั้งในระบบอนาล็อก และดิจิตอล โดยการหารือใช้เวลาทั้งสิ้น ราว 2 ชั่วโมง
นายสุรินทร์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับทาง กสท. ว่า การหารือของช่อง 3 ในครั้งนี้มาในนามบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่ต้องการให้คู่กรณีเจรจากัน และมาในนามบริษัท บีอีซี มัลติมีเดีย จำกัด เพื่อสอบถามความชัดเจนจากมติบอร์ด กสท. เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งระบุให้ช่อง 3 นำผังรายการมาส่งบอร์ด กสท. ให้พิจารณา เพื่อไปสู่การออกอากาศได้ทันที โดยหลังจากทางช่อง 3 หารือกับบอร์ด กสท. แล้ว พบว่ายังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนทางกฎหมาย ที่นำไปสู่การปฏิบัติในการออกอากาศคู่ขนานทั้งในระบบทีวีอนาล็อก และทีวีดิจิตอลได้
อย่างไรก็ตามทางบีอีซี มัลติมีเดีย จะยังไม่ดำเนินการส่งผังรายการ ซึ่งเป็นผังรายการเดียวกับช่อง 3 อนาล็อก เพื่อออกอากาศคู่ขนานมายัง กสท. ตามมติบอร์ดดังกล่าว จนกว่าจะได้ความชัดเจนว่าวิธีการดังกล่าวนั้นไม่ขัดต่อกฎหมาย เนื่องจากในทางปฎิบัติ กสท. ในฐานะผู้กำกับดูแลอาจจะยังไม่ทราบเท่ากับผู้ประกอบการเอง ว่าในธุรกิจทีวีนั้น จะมีการผูกพันเรื่องลิขสิทธิ์รายการ ที่มีทั้งปล่อยให้ผู้อื่นเช่าเวลา จ้างผลิต และผลิตเอง การจะโยกจากช่องของบริษัทหนึ่ง ไปอีกช่องของอีกบริษัทหนึ่ง จึงต้องดูในทางปฏิบัติตามกฎหมายด้วย
นายสุรินทร์ กล่าวอีกว่า หลักจากนี้ภายในสัปดาห์นี้ อาจมีการนัดหารือเพิ่มอีกครั้ง ซึ่งทาง กสท. ก็ต้องยืนยันความถูกต้องในแต่ละประเด็นที่เรากังวลให้ได้ หรือไม่จนกว่าจะถึงกำหนดทุเลาคำสั่งศาลปกครองกลางในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ ทาง กสท. จะมีเสนอทางออกอื่นให้พิจารณาหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ กสท. แต่หากเป็นแนวทางที่ถูกต้องตามกฎหมายที่ทำให้เราหายกังวลได้ ทางช่อง 3 ก็พร้อมจะออกคู่ขนานทันที เนื่องจากจุดยืนของช่อง 3 เวลานี้ ต้องการหาทางออกให้ได้โดยเร็วเพื่อไปแจ้งต่อศาล ในเร็วๆ นี้ทางช่อง 3 และ กสท. อาจมีการตั้งคณะทำงานด้านกฎหมายร่วมกัน เพื่อหาทางออกในข้อกฎหมาย เนื่องจากเวลาที่เหลืออยู่ของช่อง 3 ค่อนข้างจำกัดลงแล้ว
ด้าน พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า ในการหารือครั้งนี้ ช่อง 3 ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมจากมติบอร์ด กสท. เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา เพื่อนำไปสู่การหารือในลำดับถัดไป ซึ่ง กสท. มีหน้าที่อธิบาย และช่วยหาทางออกเพื่อให้กระบวนการนำไปสู่การออกอากาศบนทีวีดิจิตอลง่ายขึ้น ส่วนการตั้งคณะกรรมการร่วม ยังไม่ได้มีการพูดถึงในการหารือกันแต่อย่างใด
น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า ในการหารือครั้งนี้ช่อง 3 ยังคงกังวลในปัญหานิติบุคคลระหว่าง 2 บริษัท แต่ส่วนตัวคิดว่า ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้วในการอธิบายความชัดเจนตาม มาตราที่ 9 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 และ มาตรา 43 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และวิทยุโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ที่ทั้ง 2 ฉบับว่าด้วยการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เป็นสิทธิ์เฉพาะตัว จะโอนหรือมอบแก่กันไม่ได้ พร้อมทั้งยกตัวอย่างกรณี ทรูวิชั่นส์ ที่นำช่องบีบีซี หรือซีเอ็นเอ็น มาออกอากาศ ที่แม้ไม่ใช้เจ้าของช่องรายการ แต่ก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบหากเนื้อหารายการที่ออกอากาศนั้นขัดต่อกฎหมาย ส่วนปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์รายการ ก็เป็นเรื่องของช่อง 3 ที่จะต้องไปจัดการเอง อย่ามาผลักภาระให้ กสท.
ทั้งนี้ถ้าช่อง 3 ยอมรับข้อเสนอและส่งผังรายการมาให้ กสท. ทาง กสท. ก็จะพิจารณา ซึ่งสิ่งที่ กสท.จะตรวจก็เป็นเพียงแค่เนื้อหาของสัดส่วนรายที่นำเสนอบนทีวีดิจิตอล เป็นไปตามเงื่อนไขใบอนุญาตหรือไม่ เช่น ต้องมีรายการข่าวสารและสาระในอัตรา 25% มีข่าวพระราชสำนัก ทั้งนี้ช่อง 3 ในระบบทีวีดิจิตอลจะนำเนื้อหารายการบนทีวีอนาล็อกมาออกอากาศไม่เหมือนกัน 100% ก็สามารถดำเนินการได้ หากพบว่าเนื้อหา หรือสัดส่วนรายการใด ยังขัดกับกติกาของ กสท.
“หากช่อง 3 ไม่รับข้อเสนอ ช่อง 3 ก็มีทางเลือกอื่น หากยังต้องการออกอากาศบนทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวี โดยการมาขอใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบกิจการทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวี พร้อมทั้งทำตามกติกา แต่หากจะให้หาทางออกเพิ่มเติม แก้ไข หรือร่างกติกาข้อใด คงไม่ทำอีกแล้ว เพราะถือว่าทำอย่างดีที่สุดแล้ว เนื่องจากหาก กสท. ยังทำอะไรให้ช่อง 3 อีกจะไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการรายอื่น” น.ส.สุภิญญา กล่าว