** วานนี้เปิดประเด็นไปแล้วเรื่องเหล็กนำเข้าจากจีน และกลุ่มผู้ผู้ผลิตเหล็กของไทย...ได้รวมตัวกันมายื่นยื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 2 ตุลาคมนี้....ให้เร่งดำเนินการโดยด่วน...อย่างที่บอกไว้ก่อนก่อนหน้าถึงที่มาที่ไปและตัวประเด็นของปัญหา...วันนี้เลยมาบอกถึงเนื้อหาที่กลุ่มผู้ประกอบการได้นำหนังสือชี้แจงไปยังรัฐบาลว่ามีเนื้อใหญ่ใจความอย่างไรบ้าง...การบริโภคเหล็กทรงยาว (รวมเหล็กเส้น) ของประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จาก 4.1 ล้านตัน เป็น 5.9 ล้านตัน ในปี พ.ศ. 2556 แต่ปรากฏว่า ผู้ผลิตในประเทศกลับไม่ได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นนี้แต่อย่างใด โดยยังคงมีปริมาณการผลิตเท่าเดิม หากแต่ไปเพิ่มที่ปริมาณการนำเข้า ซึ่งสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 โดยเพิ่มขึ้นจาก 1.0 ล้านตัน เป็น 3.0 ล้านตัน ในปี พ.ศ. 2556 หากไม่มีการปกป้องผู้ผลิตภายในประเทศ และปล่อยให้มีการนำเข้าเหล็กเส้นอย่างไม่เป็นธรรมจากประเทศจีน จะส่งผลให้ผู้ผลิตเหล็กเส้นทั้งหมดในประเทศต้องปิดกิจการ และประเทศไทยจะเปลี่ยนสถานภาพจากผู้ผลิตกลายเป็นผู้นำเข้าหลัก ส่งผลให้ประเทศไทยขาดดุลการค้าเพิ่มมากขึ้นกว่าปีละ 35,000 ล้านบาท การหลบเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรนำเข้า โดยการสำแดงพิกัดเป็นเหล็กเส้นเจืออัลลอยด์จะทำให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้อีกไม่ต่ำกว่าปีละ 1,800 ล้านบาท ประกอบกับภาครัฐจะต้องสูญเสียรายได้ในส่วนของภาษีเงินได้นิติบุคคลจากบริษัทผู้ผลิตเหล็กเส้นที่ต้องหยุดดำเนินกิจการ และสูญเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเนื่องจากมีจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นจำนวนมาก...ย้ำอีกว่า...การนำเข้าเหล็กเส้นจากประเทศจีนจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมเหล็กของประเทศ ทำให้ประเทศต้องเสียดุลการค้า และเกิดการว่างงานจำนวนมาก หากผู้ผลิตเหล็กภายในประเทศไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และจะก่อให้เกิดการผูกขาดทางการค้าในที่สุด.... ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการผลิตเหล็กเส้นในประเทศไทย...นายกฯต้องปกป้องและให้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมเหล็กเส้นภายในประเทศอย่างเร่งด่วน...โดยกำหนดมาตรการในลักษณะเช่นเดียวกันกับประเทศออสเตรเลีย อินโดนีเซียหรือประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ... ด้วยการไม่อนุญาตให้มีการนำเข้าเหล็กเส้นเจือโบรอนหรืออัลลอยด์ใดๆ ตลอดจนระงับการออกใบอนุญาตใดๆ เพื่อการนำเข้าเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตที่ สมอ. กำลังดำเนินการอยู่หรือที่ได้ออกไปแล้ว....เพราะนอกจากเป็นการช่วยปกป้องผู้ประกอบการผลิตเหล็กเส้นในประเทศจากการค้าที่ไม่เป็นธรรมแล้ว ยังเป็นการช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชน จากการใช้เหล็กเส้นเสริมคอนกรีตที่มีคุณภาพไม่สม่ำเสมอจากประเทศจีน ซึ่งยากต่อการติดตามผู้รับผิดชอบทั้งผู้ผลิตและผู้นำเข้า หากเกิดเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความสูญเสีย เช่น ตึกถล่ม สะพานพัง ฯลฯ อันเนื่องมาจากการใช้งานเหล็กเส้นเหล่านี้…!!ก่อนหน้าแมรู้มาว่า...คสชงได้ให้การบ้านกับกรมศุลกากรไปแล้วในเรื่องนี้...วันนี้(2ตุลาคม)ก็ต้องมาดูกันว่า...หลังจากได้หนังสือร้องเรียนแบบนี้แล้ว...นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจะทำอย่างไร...ต่อไปให้เกิดความเป็นธรรมกับทึกฝ่าย....**
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี