รายงานข่าวจากธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ไอแบงก์) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการไอแบงก์ เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา มีมติชะลอการอนุมัติปล่อยสินเชื่อชั่วคราวให้กับลูกค้าใหม่ที่มีขนาดใหญ่และขนาดกลาง และเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อลูกหนี้รายเก่าให้มากขึ้นเพราะที่ผ่านมาการปล่อยสินเชื่อเป็นไปอย่างไม่ระมัดระวังส่งผลถึงความสามารถการชำระหนี้จนเกิดหนี้เสีย(เอ็นพีแอล)กลับมายังธนาคารเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้การปล่อยสินเชื่อดังกล่าวชะลอออกไปจนกว่าแผนฟื้นฟูกิจการของธนาคารจะเสร็จสมบูรณ์ในปลายปีนี้
โดยแผนฟื้นฟูกิจการจะนำผลการตรวจสอบฐานะทางการเงิน(ดิวดิลิเจ้นท์)ที่ว่าจ้างบริษัทตรวจสอบบัญชีเอกชนเข้ามาประเมินด้วย เพื่อนำส่งให้กระทรวงการคลังพิจารณาการขอเพิ่มทุนของธนาคารจำนวน 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาเติมสภาพคล่องธนาคาร ปัจจุบัน ธนาคารมีเอ็นพีแอลอยู่ 4.2 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 38% ของสินเชื่อคงค้างที่ 1.1 แสนล้านบาท
อีกทั้งในเดือนกันยายนที่ผ่านมาได้พบลูกหนี้ใกล้จะตกชั้นเพิ่มอีก 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่ค้างชำระ 60 วัน แต่ไม่เกิน 90 วัน โดยจะเรียกกลุ่มลูกค้าดังกล่าว เข้ามาเจรจาประนอมหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ไม่ให้เป็นเอ็นพีแอล หากยังไม่มาชำระหนี้จะทำให้สิ้นเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนนี้เอ็นพีแอลอาจสูงขึ้นเกือบ 5 หมื่นล้านบาท
“การที่บอร์ดสั่งเบรกปล่อยกู้ให้กับรายใหญ่ที่เป็นลูกค้ารายใหม่ อาจกระทบกับรายได้ของธนาคารบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยกู้ไปแล้วเกิดส่งผลกระทบกับมายังแบงก์มากไปกว่าเดิม โดยหลังจากนี้จะต้องเข้มงวดปล่อยกู้ให้มากขึ้นกว่าเดิม จนกว่าแผนฟื้นฟูจะเสร็จ” รายงานข่าวระบุ
รายงานข่าว กล่าวว่า ในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ไอแบงก์เตรียมแถลงถึงกระแสข่าวที่เกี่ยวข้องกับธนาคารในช่วงที่ผ่านมา และความคืบหน้าการทำงานอีก 2-3 เดือนข้างหน้า รวมถึงแผนฟื้นฟูที่กำลังดำเนินงานอยู่ในขณะนี้ ซึ่งในเบื้องต้นภาพรวมแผนฟื้นฟูกิจการจะมีอยู่ 5-6 ด้าน เช่น 1.การควบคุมคุณภาพสินเชื่อ 2.โครงสร้างต้นทุนเงินฝาก 3.ปิดสาขาบางพื้นที่ที่ไม่จำเป็น จากทั้งหมดทั่วประเทศ 130 สาขา 4.พัฒนาบุคคลากรระดับผู้อำนวยการฝ่ายขึ้นไป 5.ปรับกระบวนการทำงานในการอนุมัติสินเชื่อให้เร็วขึ้น 6.พัฒนาด้านเทคโนโลยีให้มีการเข้าถึงข้อมูลลูกค้าคล้ายกับเครดิตบูโร
อย่างไรก็ตาม ในแผนฟื้นฟูกิจการจะรวมถึงการขายหนี้ด้วยหรือไม่นั้น ต้องอยู่ที่ผลของดิวดิลิเจ้นท์ถึงจำนวนหนี้เอ็นพีแอลทั้งหมด และศักยภาพของลูกหนี้แต่ละราย ถึงจะทราบว่าต้องขายเป็นเท่าไร ถึงจะไม่กระทบหรือให้กระทบกับธนาคารน้อยที่สุด
ก่อนหน้านี้ ไอแบงก์เตรียมพิจารณาขายหนี้เอ็นพีแอล 4 หมื่นล้านบาท ให้กับบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (บสส.) หรือแซม ภายในเดือนธันวาคมนี้ หากผลดิวลิเจ้นท์ออกมาว่าเอ็นพีแอลสูงถึง 5 หมื่นล้านบาท เบื้องต้นจะขายส่วนของลูกหนี้ทั่วไปที่ไม่ใช่มุสลิมออกไปทั้งหมด และลูกหนี้ที่เป็นมุสลิมแต่ไม่มีศักยภาพ ขาดความสามารถในการชำระหนี้ หรือไม่ได้ประกอบธุรกิจแล้ว โดยไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.ไอแบงก์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี