6 ต.ค.57 นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.ได้ลงพื้นที่กับสาขาทั่วประเทศเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2557/58 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่กำหนดให้จ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามพื้นที่ที่ปลูกข้าวจริง แต่ไม่เกินครัวเรือนละ 15 ไร่ ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท โดย ธ.ก.ส.จะโอนเงินเข้าบัญชีของเกษตรกรโดยตรง และจัดเตรียมทีมพนักงานสุ่มตรวจสอบการเพาะปลูกข้าวของเกษตรกร เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเงินถึงมือเกษตรกรจริง โดยกำหนดจ่ายเงินตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.57
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สาขาจะเร่งชี้แจงให้เกษตรกรทราบขั้นตอนการดำเนินงาน เช่น การแจ้งขอขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับเกษตรอำเภอในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นผู้ออกใบรับรองให้เกษตรกร จากนั้นจึงไปแจ้งความประสงค์ขอเข้าร่วมโครงการที่ ธ.ก.ส.โดยแนบสำเนาใบรับรองเกษตรกร สำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝาก สำเนาบัตรประชาชน ซึ่ง ธ.ก.ส.จะตรวจสอบความถูกต้องกับข้อมูลในระบบของกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์จำนวน 3.49ล้านครัวเรือน คิดเป็นพื้นที่ปลูกข้าวนาปีประมาณ 63.8 ล้านไร่และวงเงินชดเชยประมาณ 40,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติให้ ธ.ก.ส.เข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาราคาผลิตตกต่ำ ประกอบด้วย โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการผลิตแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2557/58 ลง 3% ต่อปี รายละไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โดยสามารถนำผลผลิตคือข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกเหนียวมาขอกู้กับ ธ.ก.ส.ในอัตรา 80% ของราคาตลาด ในวงเงินไม่เกินรายละ 300,000 บาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย กำหนดชำระคืนภายใน 4 เดือนนับถัดจากเดือนรับเงินกู้ เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ย.57 ถึง 30 ก.ย.58 มีเป้าหมายดำเนินการในเขตพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหลือ จำนวนข้าวเปลือก 1.5 ล้านตัน วงเงินสินเชื่อ 17,280 ล้านบาท และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรมีส่วนช่วยในการรักษาระดับราคาผลผลิตข้าว ในวงเงิน 20,000 ล้านบาท
"ราคาสินค้าเกษตรหลักๆ ของไทยมีแนวโน้มอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข้าว ซึ่งผลผลิตกำลังทยอยออกสู่ตลาด ประกอบกับมีปริมาณข้าวที่ยังค้างสต็อคอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้ผู้ซื้อกดราคาผลผลิต เป็นเหตุให้เกษตรกรมีส่วนเหลื่อมรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไม่มากนัก ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพ ซึ่งการจ่ายเงินช่วยเหลือตามโครงการครั้งนี้นอกจากช่วยให้ชาวนาซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมีรายได้ที่พออยู่ได้และมีกำลังใจในการประกอบอาชีพซึ่งเป็นรากฐานและหัวใจสำคัญของระบบเศรษฐกิจแล้ว เม็ดเงินดังกล่าวยังกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภาคครัวเรือน ทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น" นายลักษณ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี