ดัน‘นครแม่สอด’เป็นเขตศก.พิเศษ
กนอ.นำร่องโครงการต้นแบบ เสนอ‘ครม.-สนช.’ไฟเขียว
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงผลการหารือกับ คณะกรรมการกฤษฎีกา ในเรื่องการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ว่า ที่ประชุมมีมติให้ใช้ร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยที่เสนอให้เทศบาล ต.แม่สอด เป็นพื้นที่นำร่องทดลองการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน โดยในนครแม่สอดนี้จะมีการจัดระเบียบบริหารแบบใหม่
รวมทั้งจะมีการให้อำนาจในการอนุมัติ ออกใบอนุญาตต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการตั้งธุรกิจและโรงงาน
“เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดนี้ จะมีการกำหนดโซนนิ่งพื้นที่อย่างชัดเจน ไม่ใช่การประกาศครอบคลุมทั้งอำเภอ โดยหลังจากนี้ กระทรวงมหาดไทย จะนำร่างกฎหมายตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดเข้าสู่ที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.)จากนั้นจะส่งกลับไปให้ คณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาอีกครั้ง จากนั้นจะส่งกลับมาที่ ครม. และส่งไปให้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาและประกาศเป็นกฎหมายบังคับใช้ต่อไป” นายวีรพงศ์ กล่าว
ส่วนการพิจารณาทบทวนร่าง พระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ.2548 เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างการทำงานของ กนอ. เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งจะเพิ่มบทบาทให้ กนอ. สามารถออกไปลงทุนในต่างประเทศได้ มีอำนาจในการก่อสร้างดำเนินกิจการท่าเรืออุตสาหกรรม สาธารณูปโภคต่างๆที่จำเป็นในนิคมฯ และเปิดให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม และพาณิชยกรรมที่เป็นคนต่างด้าวสามารถถือกรรมสิทธิ์อาคารชุดได้ตามที่คณะกรรมการ กนอ. เห็นสมควร ซึ่งขอบข่ายทั้งหมดจะจำกัดอยู่เฉพาะภายในนิคมอุตสาหกรรม โดยไม่รวมในส่วนของพื้นที่พาณิชย์ และที่อยู่อาศัย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนอย่างเต็มที่ คาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 60-90 วัน จากนั้นก็จะเสนอให้ ครม. พิจารณา
นายวีรพงศ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะมีการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรม 7 กลุ่ม ได้แก่ 1.นิคมอุตสาหกรรมยางพารา ที่ จ.สงขลา 2.นิคมฯอากาศยานและศูนย์ซ่อมอากาศยาน จ.นครราชสีมา 3.นิคมฯบริการเพิ่มรองรับอุตสาหกรรมสื่อบันเทิงครบวงจร โดยจะประกาศเชิญชวนเอกชนเสนอพื้นที่ใน จ.สมุทรปราการ และปทุมธานี 4.นิคมฯบริการโลจิสติกส์ 5.นิคมบริการเพื่อรองรับอุตสาหกรรมท่องเท่ียวและบริการ 6.นิคมฯด้านสิ่งแวดล้อมหรือพลังงาน และ7.นิคมฯป้องกันประเทศ
ส่วนยอดรวมการขาย หรือเช่าที่ดินในนิคมฯปีนี้อยู่ที่ 3.9 พันไร่ สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3.5 พันไร่มีมูลค่า 4.95 พันล้านบาท ส่วนในปี 2558 ตั้งเป้าว่าจะขายที่ดินให้ได้ 4 พันไร่ และมีรายได้เพิ่ม 5% หรือมีมูลค่า 5.25 พันล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี