กสทช.แก้กฎหมายยุบทิ้ง‘กทค.-กสท.’
เหตุเกิดปัญหาภายใน บอร์ดขัดแย้งกันเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการโพสต์ภาพถ่ายเอกสาร จากทวิตเตอร์ @ Takarn NBTC ของ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2557 เวลาประมาณ 21.00 น. โดยในเอกสารระบุ เป็นเอกสาร “ลับมาก”ซึ่งเนื้อหาดังนี้ โดยความเห็นชอบจากประธานกสทช.เห็นควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 (พ.ร.บ.กสทช.) ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างกสทช.เป็นการเร่งด่วน
ทั้งนี้ ในเอกสารดังกล่าว ระบุว่า เสนอให้มีคณะกรรมการเพียงคณะเดียวเพื่อทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่และกำกับดูแลกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อให้เกิดเอกภาพ ส่งเสริมการกำกับดูแลและการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เป็นธรรม สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและธุรกิจที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสร้างบรรยากาศที่สนับสนุนระบบเศรษฐกิจฐานดิจิตอลและรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างเหมาะสม โดยเอกสารดังกล่าวระบุว่าจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) และสภานิติบัญญัติ (สนช.)
ล่าสุดนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้ สำนักงาน กสทช. ได้เสนอเรื่องการ
แก้กฎหมาย พ.ร.บ.กสทช.เพื่อยุบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ (กสท.) และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) และให้มีคณะกรรมการเพียงคณะเดียว โดยให้ทุกเรื่องที่ กสทช. อนุมัติต้องมาจากมติของบอร์ด กสทช. ทั้ง 11 คน โดยได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้สำนักงานกฤษฎีกาตีความแล้ว
ทั้งนี้สาเหตุการยื่นเรื่องการแก้ไขกฎหมายโดยเฉพาะอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ กสทช. เนื่องมาจากปัจจุบันอยู่ในช่วงวิกฤติ ของ กสทช. และมีปัญหาการทำงานในระบบภายในมาโดยตลอด และการทำงานของ กสทช. กฎหมายได้ให้อำนาจบอร์ดเล็กฝั่งละ 5 คน เนื่องจากที่ผ่านมา การทำงานของ กสทช. มีปัญหาเรื่องการทับซ้อนของกฎหมาย ที่มาตรา 26 แห่ง พ.ร.บ.กสทช. ได้ให้อำนาจแก่ กสทช. แต่ใน มาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.กสทช. กลับแย้งว่าอำนาจควรมอบให้แก่บอร์ดเล็ก ส่งผลให้ปัจจุบันการทำงานของ กสทช. ไม่เป็นเอกภาพ และบางกรณียังเกิดการคลุมเครือกันในเรื่องอำนาจ รวมทั้งในบางกรณีอาจเกิดผลเสียได้ เช่นการตัดสินใจของบอร์ดเล็กเพียง 3 คน ก็อาจส่งผลให้หากโดนฟ้องร้องจริงจะต้องโดนครบทั้ง 11 คน
“กฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป็นกฎหมายทับซ้อน ซึ่งการแก้ไขเฉพาะส่วนอำนาจ กสทช. เชื่อว่าการทำงานจะไม่เกิดปัญหา เพราะในการทำงานเรื่องใดเรื่องหนึ่งอาจจะตั้งอนุกรรมการเข้ามาศึกษาเฉพาะ ในด้านต่างๆ ก่อน เช่นเดียวกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กระบวนการดังกล่าวภายหลังจากส่งให้ คสช. ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งหากผ่านการเห็นชอบของกฤษฎีกา จะมีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) และสภานิติบัญญัติ (สนช.) ต่อไป” นายฐากร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี