ดัชนีความเชื่อมั่นอุตฯทรุด 2 เดือนต่อเนื่อง เหตุกังวลเศรษฐกิจซบเซา การบริโภคชะลอตัว แข่งขันรุนแรง ยอดขายลด มีปัญหาสภาพคล่อง คาดจีดีพีปี’57หลุด 2% หวังท่องเที่ยว-ค้าชายแดน-การเบิกจ่ายภาครัฐเข้ามาพยุงเศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาสสุดท้าย
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย พบว่า ในเดือนกันยายน 2557 อยู่ที่ระดับ 86.1 ปรับตัวลดลงจากระดับ 88.7 ในเดือนสิงหาคม เป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยค่าดัชนีฯที่ลดลงเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ
ระดับความเชื่อมั่นที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 มาจากความกังวลเกี่ยวกับความซบเซาของภาวะเศรษฐกิจ และการชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศ การแข่งขันที่รุนแรง รวมถึงปัญหาสภาพคล่อง ทำให้ผู้ประกอบการขาดแรงกระตุ้นในการขยายการลงทุน ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงของการฟื้นตัว ผู้ประกอบการเห็นว่าการขยายตลาดการค้าชายแดนจะเป็นโอกาส ให้มูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จะต้องแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้การค้าการลงทุนมีความสะดวกมากขึ้น โดยคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าความเชื่อมั่นจะอยู่ที่ระดับ 104.7 ปรับเพิ่มขึ้นจาก 102.4 ในเดือนสิงหาคม
“ต้องยอมรับว่าการส่งออกของไทยในปีนี้ค่อนข้างฉุดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย (จีดีพี) มาก ทำให้ปีนี้ทั้งปีโอกาสที่จะเห็นจีดีพีโตได้ 2% คงเป็นไปได้ยาก โดยคาดจีดีพีจะโตได้ 1.7-1.8% เพราะการลงทุนจากภาครัฐยังไม่มีความชัดเจน แม้จะเห็นว่ารัฐบาลกำลังพยายามกระตุ้นการบริโภคในประเทศในบางกลุ่ม เช่น เกษตรกรกลุ่มข้าว และยางพารา
รวมถึงการกระจายงบซ่อมสร้างถนนสู่ท้องถิ่น แต่มองว่าการดำเนินนโยบายยังขาดความต่อเนื่อง”นายสุพันธุ์ กล่าว
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นจำแนกตามขนาดของกิจการ ในเดือนกันยายน 2557 จากการสำรวจพบว่า อุตสาหกรรมขนาดย่อม อุตสาหกรรมขนาดกลาง ปรับตัวลดลงจากเดือนสิงหาคม ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมขณะที่ผลสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นฯรายภูมิภาค ประจำเดือนกันยายนพบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯของภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ปรับตัวลดลงจากเดือนสิงหาคม ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯภาคเหนือ และภาคตะวันออก ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม
นายสุพันธุ์กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 102.6 เพิ่มขึ้นจากระดับ 100.0 ในเดือนสิงหาคม โดยมีองค์ประกอบดัชนีฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ
สำหรับในช่วง 3 เดือนสุดท้ายที่เหลือของปีนี้ ประเมินภาคการท่องเที่ยวจะช่วยประคองเศรษฐกิจไทยได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะมีมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวมาไทยได้แค่ไหน โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทยในลักษณะการจัดประชุมนานาชาติและจัดนิทรรศการจากสหรัฐและยุโรปที่หายไป เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่ได้ให้ความสำคัญหรือมีมาตรการจูงใจนักท่องเที่ยวมากนัก
หวังว่าช่วงที่เหลือรัฐบาลจะมีมาตรการผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 2558 ที่เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น การเจรจาการค้าแบบทวิภาคีหรือการค้าชายแดนที่ยัง
ขยายตัวได้ดีมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้เป็นหลัก โดยเฉพาะการสนับสนุนให้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ถือว่ารัฐบาลเดินถูกทางแล้ว แต่ควรเร่งรัดขั้นตอนออกกฎหมายรองรับ การจัดหาพื้นที่และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเร็ว รวมถึงมีมาตรการรองรับกรณีที่สิทธิพิเศษทางภาษีสินค้าไทยกับยุโรปจะสิ้นสุดลงภายในสิ้นปีนี้ เป็นต้น
นายสุพันธุ์กล่าวว่าผู้ประกอบการมีข้อเสนอแนะให้ภาครัฐเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อีกทั้งแก้ไขปัญหาและอุปสรรคการค้าชายแดน เช่น การผ่อนคลายระเบียบต่างๆ ตลอดจนการพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศให้มีการเชื่อมโยงกัน รวมทั้งรักษาระดับราคาพลังงานและค่าไฟฟ้าให้เหมาะสม เนื่องจากเป็นต้นทุนการผลิตที่สำคัญ และ จัดตั้งศูนย์ประสานงานด้านข้อมูลการค้าการลงทุน เกี่ยวกับการเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านให้กับผู้ประกอบการ SMEs
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี