กพช.ไฟเขียวสัมปทาน
ปิโตรเลียม
รอบใหม่ทั้งบก-ทะเล29แปลง
อ่วม!นายกฯเดินหน้าขึ้นค่าแก๊ส
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ นายอารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดพลังงาน นายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และแผนพลังงาน (สนพ.) นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เข้าร่วมประชุม
โดย พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยหลังการประชุมว่า มีการหารือถึงอนาคตสัดส่วนพลังงานต่างๆ ทั้งแก๊ส พลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียน จะต้องเป็นอย่างไร อะไรที่ต้องซื้อจากต่างประเทศ อะไรที่ต้องผลิตเอง ซึ่งในที่ประชุมมีการหารือกันหลายประเด็น รวมถึงเรื่องโครงสร้างต่างๆ แต่ทั้งหมดเป็นการพิจารณาเพื่อรับทราบ เมื่อถามว่า จะมีการปรับราคาก๊าซแอลพีจีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ต้องขึ้น โดยทยอยขึ้นไปตามขั้นบันได เพราะต้องไปเจอราคาที่แท้จริง ไม่อย่างนั้นจะบิดเบือนราคากลไกของน้ำมันเชื้อเพลิงหมดและจะเสียหาย ดังนั้นต้องยอมรับกันบ้าง วันนี้ถ้ารัฐบาลดูแลไปเรื่อยๆ อุดหนุนกันหมด วันข้างหน้าประเทศจะไปกันอย่างไร เดินหน้าไม่ได้เลย
ด้าน นายคุรุจิต แถลงว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการเปิดให้เอกชนเข้าสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ รอบที่ 21 ทั้งบนบก และในทะเล จำนวน 29 แปลง หลังจากกระทรวงพลังงานได้ออกประกาศเชิญชวนเอกชนให้เข้ามายื่นสิทธิ์ขอสำรวจไปแล้วตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา คาดว่า หากมีผู้สนใจเข้ามาร่วมสำรวจครบทุกแปลง จะทำให้ประเทศไทยมีโอกาสค้นพบก๊าซธรรมชาติถึง 1-5 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต และน้ำมันดิบ20-50 ล้านบาร์เรล
ขณะเดียวกันยังเชื่อว่า จะทำให้เกิดการลงทุนในประเทศไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท ในช่วง 3-5 ปี จากนี้ และสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับประเทศทั้งค่าภาคหลวง ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ เพื่อนำไปพัฒนาท้องถิ่นในพื้นที่ผลิตโดยตรง พร้อมทั้งยังช่วยจ้างงานในธุรกิจสำรวจและผลิต รวมถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20,000อัตราด้วย
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจเข้ามายื่นขอสำรวจ ต้องมีคุณสมบัติตามข้อกฎหมาย คือ เป็นบริษัทมีทุน เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ และมีผู้เชี่ยวชาญเพียงพอที่จะสำรวจ ผลิต และจำหน่ายปิโตรเลียม สามารถยื่นคำขอได้ภายในวันที่ 18ก.พ.58 จากนั้นกระทรวงพลังงานจะกลั่นกรองรอยละเอียด ก่อนเสนอที่ประชุมครม.เห็นชอบ เพื่อได้สิทธิเข้าไปสำรวจ แต่ในขั้นตอนการพิจารณาจากครม.นั้น ก็กำหนดให้รัฐบาลพิจารณาว่า จะไม่ให้สัมปทานหรือไม่ให้ก็ได้ตามความเหมาะสม
นายคุรุจิต กล่าวว่า ในส่วนของข้อกังวลถึงการส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่รัฐจะได้รับนั้น การให้สิทธิครั้งดังกล่าวจะใช้หลักเกณฑ์ตามพ.ร.บ.ปิโตเลียม 2514 โดยใช้รูปแบบใหม่ คือ ระบบไทยแลนด์ทรีพลัส จากเดิมที่เก็บเพียงค่าภาคหลวงปิโตรเลียมอัตราก้าวหน้า 5-15%เก็บภาษีเงินได้ปิโตรเลียม 50% ของกำไรสุทธิ และเรียกเก็บเงินผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ มีอัตราสูงสุด75% หากพบแหล่งพลังงานที่มีปริมาณมาก หรือราคาพลังงานปรับตัวขึ้นสูง ซึ่งการจัดเก็บรูปแบบใหม่ ได้เพิ่มเติมให้ผู้ยื่นขอต้องสนับสนุนเงินเพื่อการศึกษาและพัฒนาท้องถิ่น แบ่งเป็น ช่วงสำรวจจะได้ไม่น้อยกว่า ปีละ 1 ล้านบาท และช่วงผลิตจะได้ไม่น้อยกว่า ปีละ 2ล้านบาท
พร้อมทั้งเสนอให้บริษัทไทยเข้าร่วมประกอบกิจการในอัตราไม่น้อยกว่า 5% และต้องใช้สินค้าและบริการในประเทศไทยเป็นอันดับแรก ขณะเดียวกันยังกำหนดการจัดเก็บผลประโยชน์เพิ่มเติมคือ การเรียกเก็บค่าธรรมเนียม เมื่อมีการลงนามกับผู้ได้รับสัมปทาน แม้ว่าจะสำรวจพบปิโตรเลียมหรือไม่ และเรียกเก็บผลประโยชน์เพิ่มเติม เมื่อเอกชนสามารถผลิตได้ตามเกณฑ์ที่รัฐกำหนด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี