‘ราชบุรีโฮลดิ้ง’ทุ่มอีก1.25หมื่นล.
ขยายโรงไฟฟ้าความร้อนปี’58 3.4หมื่นล.สยายปีกลงทุนนอก
‘“ซีอีโอ” โรงไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง โชว์รายได้ 9 เดือนแรกปีนี้เกินเป้าทะลุ 1.19 แสนล้านเรียบร้อยแล้ว พร้อมเปิดแผนลงทุนทั้งใน และต่างแดนนายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทได้เดินตามกรอบแผนกลยุทธ์ 10 ปี (2556-2566) โดยมุ่งเน้นการสร้างมูลค่ากิจการให้เติบโตสู่เป้าหมายสูงสุดที่ 282,000 ล้านบาท ภายในปี2566 สำหรับเป้าหมายการเติบโตในปีนี้กำหนดไว้ที่ 121,000 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานใน 9 เดือนที่ผ่านมานี้ มูลค่ากิจการเติบโตขึ้นจาก 110,000 ล้านบาท เป็น 119,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ในปี 2558 บริษัทตั้งงบลงทุนจำนวน 1.25 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการโรงไฟฟ้า หรือโครงการเดิมที่มีการพัฒนาอยู่แล้ว โดยส่วนใหญ่นำไปลงทุนในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนหงสาใน ลาว คาดว่าสามารถจ่ายไฟเข้าระบบยูนิตแรกมิถุนายนปีหน้า
สำหรับการลงทุนโครงการใหม่ในปีนี้และปีหน้า บริษัทมีแผนลงทุนโครงการในต่างประเทศ จำนวน 8 โครงการ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 3.4 หมื่นล้านบาทใน 6 โครงการ ส่วนอีก 2 โครงการในญี่ปุ่น และ อินโดนีเซีย ยังไม่ได้กำหนดงบประมาณ ประกอบด้วย โครงการในพม่า 3 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด เมืองมะริด กำลังการผลิต 2,460 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 4-5 พันล้านเหรียญ อยู่หว่างทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) หากเสร็จก็คาดว่าจะเซ็นลงนามบันทึกข้อตกลง(MOA) กับรัฐบาลพม่า ในปลายปี 2558 หรือต้นปี 2559
โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินปากเหมืองที่เชียงตุง ขนาดกำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 1 พันล้านเหรียญ โดยบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและคาดจะได้ลงนามบันทึกข้อตกลงได้หลังทำผลการศึกษาเสร็จในเดือนเม.ย.2558 ทั้งนี้ คาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินปากเหมืองที่เชียงตุงน่าจะดำเนินการได้ก่อน
ธุรกิจเชื้อเพลิง บริษัทจะเข้าร่วมทุนกับบมจ.ปตท.(PTT) ในโครงการ คลังแอลเอ็นจี (LNG Terminal) เฟส 3 ขนาด 5 ล้านตัน ตั้งอยู่ในประเทศพม่า เพื่อทดแทนก๊าซจากแหล่งเยตากุน และยาดานาจากพม่าใกล้หมดอายุสัญญาและเชื่อว่ารัฐบาลพม่าจะไม่ต่อสัญญา อีกทั้งคุณภาพก๊าซจากทั้งสองแหล่งมีความผันผวน การตั้งคลังแอลเอ็นจี จะป้อนให้กับ
โรงไฟฟ้ากลุ่มบริษัท
ส่วนในออสเตรเลีย มีแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 160-180 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอขายไฟฟ้ากับผู้ซื้อ คาดว่าจะได้ความชัดเจนในไตรมาส 1 ปี’58, โครงการสายส่งแรงสูงขนา 230 KV ระยะทาง 125 กม. ในกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาในรายละเอียด คาดว่าจะได้ข้อสรุปปีนี้ โดยบริษัทจะร่วมลงทุน 50% ใช้เงินลงทุน 3 พันล้านบาท
ขณะที่เวียดนาม บริษัทจะเข้าไปพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า IPP ขนาด 1,200 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินใช้เงินลงทุน
2 พันล้านเหรียญ โดย RATCH จะเข้าถือ 30% EGAT International ถือ 40% และพันธมิตรท้องถิ่น 30% คาดจะลงนามร่วมทุนในปลายปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทจะลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นเพิ่มเติมจากเดิมลงทุนไปแล้ว 33 เมกะวัตต์ จะเพิ่มเป็น 100-120 เมกะวัตต์ ซึ่งร่วมทุนกับ บมจ. เชาว์สตีล (CHOW) เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าการลงทุน ระหว่างนี้ทำ Due Diligence อยู่ 4-5 โครงการ คาดเริ่มได้ในปี’58 ส่วนโครงการสุดท้ายคือ โครงการลงทุนเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย โดยบริษัทสนใจเข้าร่วมทุนจำนวน 2 โครงการ คาดว่าจะใช้เวลาตัดสินใจคัดเลือกภายใน 3 เดือน
นายพงษ์ดิษฐ กล่าวถึงการลงทุนในประเทศ ได้แก่ โครงการราชบุรีโคเจนเนอเรชั่น กำลังผลิตติดตั้ง 100 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จ.ราชบุรี และเจรจาร่วมทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะ จ.สมุทรปราการ กำลังการผลิต 9.98 เมกะวัตต์ อีกทั้งยังร่วมทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น อีก 2 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 33 เมกะวัตต์ ทั้งหมดเป็นโครงการประเภท Greenfields ซึ่งคาดว่าบริษัทจะลงทุนในส่วนทุนเป็นเงินประมาณ 1,213 ล้านบาท ดังนั้นในปัจจุบันโรงไฟฟ้าบริษัทมีกำลังผลิตติดตั้งรวม 6,565 เมกะวัตต์ โดย 5,561 เมกะวัตต์ เป็นกำลังการผลิตที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว และ 1,004 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี