นายเพ็ชร ชินบุตร ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร (nfi) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สถาบันอาหาร(nfi) อยู่ระหว่างจัดทำโครงการเสริมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่อุตสาหกรรมอาหาร โดยส่งเสริมผู้ประกอบการร้านอาหารให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมประเทศเป้าหมาย ล่าสุดได้ร่วมกับสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคและปัจจัยการเลือกรับประทานอาหารในร้านอาหารไทยของชาวสวีเดน
โดยพบว่าชาวสวีเดนที่รับประทานอาหารไทย จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ปานกลาง คือ 2.5 แสนโครนสวีเดนต่อปีขึ้นไป ส่วนใหญ่เห็นว่าอาหารไทยมีราคาที่เหมาะสม มีรสชาติดี และอร่อย ในส่วนของเมนูอาหารไทยที่ชาวสวีเดนชื่นชอบมากที่สุด คือ ต้มยำกุ้ง ผัดไทย ส้มตำ และไก่ผัดเม็ดมะม่วง
ทั้งนี้ชาวสวีเดนจะนิยมรับประทานอาหารไทยตลอดทั้งปี แต่จะนิยมฤดูหนาวมากกว่าฤดูร้อน ที่ชาวสวีเดนจะหยุดพักผ่อนประจำปี และจะนิยมใช้บริการแบบสั่งกลับบ้าน (Take Away) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า เพราะเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 12% หากทานที่ร้านจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
ในอัตรา 25%
นายเพ็ชรกล่าวว่า ผู้ที่จะทำธุรกิจร้านอาหารไทยในสวีเดน ควรทำร้านที่ให้บริการระดับกลาง และให้บริการอาหารจานเดียว รวมถึงการให้บริการแบบสั่งกลับบ้าน เนื่องจากชาวสวีเดนยังคงนิยมรับประทานอาหารที่บ้าน เมื่อชาวสวีเดินชอบอาหารไทยเป็นพื้นฐาน จึงควรมีกลยุทธ์อื่นประกอบ ทำให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างอาหารไทยกับอาหารเอเชียของประเทศคู่แข่ง โดยเน้นในเรื่องอาหารที่มีคุณภาพ สะอาดปลอดภัย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ อาจให้ความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบ และสมุนไพรของไทยที่ใส่ในอาหาร เพื่อสร้างความเข้าใจและการตระหนักรู้ในคุณค่าของอาหารไทยเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ภาครัฐควรให้การส่งเสริมเพิ่มเติม คือ การทำงานวิจัย และพัฒนาอาหารพร้อมรับประทานในเมนูที่ได้รับความนิยมในแต่ละประเทศเป้าหมายให้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น ทั้งในรูปแบบอาหารแปรรูปพร้อมรับประทานแช่เย็นและแช่แข็ง เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมรับประทานอาหารที่บ้าน และใช้เวลาในการรับประทานอาหารไม่นาน ประกอบกับความนิยมในอาหารไทยที่มีอย่างแพร่หลาย ทำให้ตลาดอาหารแปรรูปพร้อมรับประทาน เป็นตลาดที่มีลูกค้าเป็นจำนวนมาก
“ภาครัฐต้องส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มธุรกิจอาหารที่เชี่ยวชาญในการแปรรูปอาหารพร้อมรับประทาน ให้เริ่มในการวิจัยพัฒนาและผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกไปยังประเทศเป้าหมาย โดยมีมาตรการส่งเสริมเพื่อจูงใจ เช่น สนับสนุนทุนวิจัยและพัฒนา ส่งนักวิจัยของรัฐเข้าไปร่วมวิจัยและพัฒนาร่วมกับผู้ประกอบการ รวมถึงให้สิทธิพิเศษทางภาษีต่างๆ”นายเพ็ชร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี