ทานผูอานคงไดอานขาวการสกิมมิ่ง (Skimming) หรือการคัดลอกขอมูลบนบัตรเอทีเอ็ม แลวไปทําบัตรปลอมเพื่อถอนเงินออกจากบัญชีผูเสียหายตามหนาหนังสือพิมพมาบาง และอาจมีคําถามวาบัตรที่เราใชกันอยูมีความปลอดภัยหรือไม และหากเกิดเหตุการณดังกลาวกับทานจะมีผลกระทบอยางไรบางผมขอใชพื้นที่ตรงนี้อธิบายใหทานไดเห็นภาพชัดเจนขึ้นครับ
ในปจจุบันบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มที่ใชงานอยูในไทยสวนใหญจะมีแถบแมเหล็ก (Magnetic Stripe)อยูดานหลังบัตร เพื่อใชเก็บขอมูลของบัตร ซึ่งจะถูกอานดวยเครื่องอานแถบแมเหล็กเมื่อผูถือบัตรทํารายการที่เครื่องเอทีเอ็ม ซึ่งแถบแมเหล็กนี้เองจะทําใหเกิดชองโหวในการสกิมมิ่ง (Skimming) ได
ซึ่งก็คือการที่มิจฉาชีพลักลอบคัดลอกขอมูลในแถบแมเหล็กโดยการติดตั้งอุปกรณคัดลอกขอมูลบัตรหรือที่เรียกวาสกิมเมอร (Skimmer) ไวที่ชองสอดบัตรของเครื่องเอทีเอ็มเพื่อคัดลอกขอมูลของผูถือบัตรที่มาใชงานและบอยครั้งจะมาพรอมกับการติดกลองขนาดจิ๋วที่เครื่องเอทีเอ็มเพื่อบันทึกรหัสผาน (Personal Identification Number: PIN)ของผูถือบัตรจากนั้นมิจฉาชีพเหลานี้จะนําขอมูลที่ไดไปทําบัตรเอทีเอ็มปลอมเพื่อใชถอนเงินจากบัญชีของผูถือบัตร
ปญหาการคัดลอกขอมูลบนบัตรเอทีเอ็ม/บัตรเดบิตเปนปญหาที่เกิดขึ้นมาอยางตอเนื่องทั่วโลก ซึ่งธนาคารพาณิชยในบานเราก็ติดตามและพยายามแกปญหานี้มาโดยตลอด มีการติดตั้งเครื่องปองกันการสกิมมิ่งที่เอทีเอ็มทุกเครื่อง ตรวจสอบเครื่องเอทีเอ็มเปนประจําเพื่อใหมั่นใจวาไมมีอุปกรณคัดลอกขอมูลบัตรติดอยูรวมมือกับเจาหนาที่ตํารวจในการติดตามจับมิจฉาชีพมาอยางตอเนื่อง รวมทั้งดูแลลูกคาที่เสียหาย
อยางไรก็ดี ปญหาดังกลาวก็ยังไมหมดไปซะทีเดียว ยังมีขาวเกี่ยวกับแกงสกิมเมอรใหเห็นเปนระยะ ซึ่งผมขอเรียนวาบางขาวก็อาจทําใหเขาใจผิดวาระบบเอทีเอ็มในบานเราไมปลอดภัยเกินจริงอันที่จริงแลวขาวแกงสกิมเมอรที่เผยแพรโดยสื่อมวลชนบานเราอาจแบงไดเปน 2 กลุมดวยกัน
กลุมแรกคือ ขาวแกงสกิมเมอรที่คัดลอกขอมูลบัตรเอทีเอ็มจากตางประเทศ แลวนํามากดเงินที่เครื่องเอทีเอ็มในไทย ซึ่งกรณีนี้ไมไดเปนประเด็นเรื่องความปลอดภัยของเครื่องเอทีเอ็มในไทย และจะไมมีผลกระทบกับผูถือบัตรคนไทยเลย
สวนอีกกลุม คือ การคัดลอกขอมูลบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตของผูถือบัตรคนไทยและนําไปกดเงินที่เครื่องเอทีเอ็มในไทยหรือตางประเทศ ซึ่งกรณีนี้ อาจกระทบผูถือบัตรคนไทยบาง แตธนาคารจะเปนผูรับผิดชอบเงินที่ถูกกดออกไปอยางครบถวน นอกจากนี้แลวเพื่อใหแกปญหาไดทันทวงทีหลายธนาคารไดใชเทคโนโลยีการตรวจสอบการทุจริต หรือที่เรียกวา Fraud Monitoring System
ซึ่งจะตรวจจับลักษณะการทํารายการที่นาสงสัยและเขาขายการทุจริต เชน การถอนเงินถี่ๆ การถอนเงินในสถานที่แปลกๆ เพื่อใหเจาหนาที่ตรวจสอบและสอบถามยืนยันจากผูถือบัตรกอนที่จะอายัดบัตรเพื่อปองกันมิใหมิจฉาชีพทํารายการตอไปได
ถึงจุดนี้หลายทานคงคิดวาการแกปญหาที่กลาวมาเปนการแกที่ปลายเหตุหรือไม?จะมีมาตรการอะไรที่สามารถปองกันการสกิมเมอรบัตรไดสมบูรณแบบบางไหม? ผมขอเรียนวาปจจุบันธนาคารก็ไมไดนิ่งนอนใจครับ ธนาคารไดกําหนดแนวทางปองกันการสกิมมิ่งขอมูลบัตรโดยใชเทคโนโลยีที่เรียกวาชิปการด (Chip Card) แทนการใชบัตรแถบแมเหล็กในปจจุบันชิปการด หรือที่อาจไดยินในชื่ออื่นๆ เชน สมารทการด (Smart Card) หรือ EMV แทจริงแลวคือ บัตรที่มีการเก็บขอมูลของผูถือบัตรไวในชิปที่เปรียบเสมือนคอมพิวเตอรขนาดจิ๋ว ปจจุบันเทคโนโลยีชิปเปนที่ยอมรับในระดับสากลในเรื่องของความปลอดภัย สามารถปองกันการคัดลอกขอมูลและทําบัตรปลอมไดอยางมีประสิทธิภาพ และหลายประเทศทั่วโลกไดมีการใชบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มที่เปนชิปการดแลว เชนในทวีปยุโรป ออสเตรเลีย หรือแมแตสหรัฐอเมริกา ซึ่งเปนตลาดบัตรที่ใหญที่สุดแหงหนึ่งของโลกก็มีแผนใชชิปการดแลว นอกจากนี้ประเทศในกลุมประเทศอาเซียนเอง สิงคโปร มาเลเซีย และอินโดนีเซียก็มีการใชชิปการดแลวเชนกัน
สําหรับประเทศไทย บัตรเครดิตที่ออกใชในปจจุบันเปนชิปการดแลว สวนบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มนั้น ธนาคารแหงประเทศไทยไดกําหนดกรอบเวลาใหธนาคารตางๆ ออกบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มใหเปนชิปการดสําหรับบัตรที่ออกใหมตั้งแต 1 มกราคม 2559 เปนตนไป รวมถึงเครื่องเอทีเอ็มของธนาคารจะตองรองรับชิปการดไดดวยอยางไรก็ดี ในปจจุบันบางธนาคารก็ไดเริ่มออกบัตรเดบิตที่เปนชิปการดเพื่อใหผูถือบัตรไดใชงานบางแลวและเชื่อแนวาจะเห็นอีกหลายธนาคารทยอยออกบัตรชิปการดในอนาคตอันใกลนี้ตอไป
โดย...อนุชิต ศิริรัชนีกร
ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี