4 ธ.ค.57 นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน พ.ย.57 ว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน พ.ย. ปรับลดลงในทุกรายการ ยกเว้นดัชนีความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย จากระดับ 80.1 มาอยู่ที่ระดับ 79.4 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ระดับ 68.8 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำ อยู่ระดับ 73.1 และ ดัชนีความเชื่อมั่น เกี่ยวกับรายได้ในอนาคต ลดลงเหลือ 96.3 จาก เดือนที่ผ่านมาที่อยุ่ที่ 69.6,73.8 และ 97 ตามลำดับ
ทั้งนี้สาเหตุสำคัญมาจากการที่ประชาชนกังวลเรื่องค่าครองชีพที่สูง รายได้ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ, ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ทรงตัวในระดับต่ำ โดยเฉพาะ ข้าว และยางพารา, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจปี 2557 เหลือ 1%, ค่าเงินบาทที่ปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อย, เศรษฐกิจยังคงซึมตัว ความไม่แน่นอนความฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการที่เม็ดเงินที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจยังเข้าไปในระบบไม่มาก
“ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ปรับตัวลงมากที่สุด พร้อมกันในรอบ 40 ปี ซึ่งราคาสินค้าเกษตรไทยไม่เคยตกต่ำเช่นนี้ โดยเฉพาะราคาข้าว ยางพาราตกต่ำ แม้แต่ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540, วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ หรือวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ ในปี 2551 และ มหาอุทกภัยในปี 2554 ไทยก็ไม่เคยเจอสินค้าเกษตรแย่ขนาดนี้ โดยราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำยังส่งผลให้การใช้จ่ายตามภูมิภาคไม่คึกคัก เม็ดเงินที่อัดฉีดเข้าในระบบเศรษฐกิจยังมีน้อยและช้า ประกอบกับปัญหาหนี้ครัวเรือนก็ส่งผลให้การใช้จ่ายชะลอตัว ทำให้เม็ดเงินที่จะเข้าหมุนเวียนจับจ่ายใช้สอยมีน้อยลง เศรษฐกิจไทยไม่ฟื้นตัว ความเชื่อมั่นจึงลดลงด้วย”
ทั้งนี้การแก้ไขเศรษฐกิจไทย และดึงความเชื่อมั่นให้ดีได้เร็วที่สุดขณะนี้ คือ ต้องดึงราคาน้ำมันให้ปรับลดลงมาอีก ประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาราคาน้ำมันที่ลดต่ำลง ทำให้ลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชนไปได้ ประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อเดือน, ค่าเงินบาทต้องอ่อนค่า เพื่อให้เป็นผลดีต่อการส่งออก, ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้อยู่อยู่ในระดับต่ำ, เร่งแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร, เร่งจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท และต้องเร่งให้การลงทุนที่มีการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว ให้มีการเริ่มโครงการโดยเร็ว อย่างไรก็ตามหอการค้าไทยคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2557 จะขยายตัวได้ต่ำกว่า 1% หรือประมาณ 0.8% และปี 2558 มองว่าหากงบจากมาตรการการลงทุนของรัฐ เริ่มได้ในเดือน ม.ค.ปีหน้า เศรษฐกิจไทยอาจจะโตได้ที่ 4% และหากเศรษฐกิจโลกดีขึ้นด้วย ก็อาจจะโตได้ถึง 5%
“ปัญหาเศรษฐกิจของไทยตอนนี้เป็นโจทย์ที่ยากสำหรับรัฐบาลในการแก้ปัญหาเนื่องจากเครื่องยนต์สำคัญๆ ดับหมด เช่น การส่งออกในปีนี้ยังไม่ฟื้นตัวเร็วพอ และคาดว่าจะโตเพียง 0% การท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้น ดีขึ้นแต่ฝั่งอันดามัน รวมทั้งปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ถ้ารัฐบาลไม่สามารถ อัดฉีดงบกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วพอในเดือน ธ.ค. อาจจะส่งผลให้การใช้จ่ายช่วงปีใหม่ไม่คึกคัก ดังนั้นดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ธ.ค. จึงตัวบ่งชี้ที่สำคัญ ที่จะทำให้เห็นทิศทางเศรษฐกิจในปีหน้า”
นอกจากนี้ยังต้องการให้ผู้ประกอบการ มีการทำโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมต่อไปเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายของประชาชน ซึ่งหากการลงทุนภาครัฐสามารถเบิกจ่ายออกมาได้ในต้นปีหน้า คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นได้ในครึ่งปีหลัง ของปี 2558
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี