“ประยุทธ์” มั่นใจยอดขอส่งเสริมการลงทุนปีนี้ได้ตามเป้า 7 แสนล้านบาท ส่วนปีหน้าเศรษฐกิจโต 3.5-4.5% ชี้ยุทธศาสตร์ใหม่ของบีโอไอจะเป็นตัวจักรสำคัญที่จะช่วยให้นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลประสบความสำเร็จ ด้านนักลงทุนต่างชาติแนะไทยต้องเพิ่มสิทธิประโยชน์เหนือสิงคโปร์และมาเลย์เพื่อสร้างแรงจูงใจ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่องยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนในระยะ 7 ปี (พ.ศ.2558-2564) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่า ปัจจุบันรัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมอย่างเร่งด่วน รวมทั้งดำเนินการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศให้มีความเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องเท่าเทียมกัน และยั่งยืน ซึ่งขณะนี้ก็มีความคืบหน้าของการดำเนินงานในหลายด้าน และยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่ของบีโอไอ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้การดำเนินงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลประสบความสำเร็จ
ขณะนี้สถานการณ์เศรษฐกิจไทยปลายปีเริ่มดีขึ้น แต่ยังไม่พอใจมากนัก และในปีนี้ยังคาดว่ายอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนถึงเป้าหมาย 7 แสนล้านบาท และนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มดีขึ้น จึงคาดว่าในปี 2558 จะมีนักท่องเที่ยงต่างชาติเข้าประเทศจำนวน 27 ล้านคน สูงจากปีนี้ที่มีจำนวน 25 ล้านคน เมื่อรวมกับการเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าชานเมือง และการดูแสสินค้าภาคเกษตร และการท่องเที่ยวเมื่อดีขึ้น คาดว่าจะทำให้จีดีพีในปี 2558 ขยายตัวได้ประมาณ 3.5-4.5%
นางหิรัญญา สุจินนัย รักษาราชการแทน เลขาธิการบีโอไอกล่าวว่า ในยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนฯนอกจากจะปรับการให้สิทธิประโยชน์จากเดิมที่พิจารณาตามเขตพื้นที่ ไปเป็นการให้การส่งเสริมในอุตสาหกรรมเป้าหมายแล้ว บีโอไอ ยังให้ความสำคัญต่อการกระจายความเจริญไปยังภูมิภาค โดยกำหนดให้จังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวต่ำที่สุดของประเทศ 20 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์, ชัยภูมิ, นครพนม, น่าน, บึงกาฬ, บุรีรัมย์, แพร่, มหาสารคาม, มุกดาหาร, แม่ฮ่องสอน, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ, สกลนคร, สระแก้ว, สุโขทัย, สุรินทร์, หนองบัวลำภู, อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ
ผู้ประกอบการที่ลงทุนในจังหวัดเหล่านี้ จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่ม 3 ปี หากเป็นกิจการที่อยู่ในกลุ่ม A1 และ A2 ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษี 8 ปีอยู่แล้ว จะได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้ 50% เพิ่มอีก 5 ปี รวมทั้งยังได้รับสิทธิหักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และค่าประปาได้ 2 เท่า เป็นเวลา 10 ปี และหักค่าติดตั้งหรือก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก 25% ของเงินลงทุน ส่วนผู้ที่เข้าไปตั้งสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม หรือเขตอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริม จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่ม 1 ปี
นอกจากนี้ ยังเพิ่มนโยบายส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยในส่วนของนโยบายส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมชายแดนใต้ จะมุ่งส่งเสริมใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ซึ่งในกรณีทั่วไป กำหนดให้ทุกประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรสูงสุด
นางหิรัญญากล่าวถึงเป้าหมายยอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2558 คาดว่าจะอยู่ในระดับ 8 แสนล้านบาท ส่วน
ปี 2557 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 8 แสนล้านบาท แต่ถ้าเดือนธันวาคมนี้มีโครงการขนาดใหญ่ เช่น การลงทุนโครงการโรงไฟฟ้า หรือโครงการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ก็อาจจะทำให้ขยับถึง 9 แสนล้านบาท
นายสแตนเลย์ คัง ประธานหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย กล่าวว่า จากกการพิจารณานโยบายใหม่ของบีโอไอ มองว่าดีกว่าเดิม แต่ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งอย่างมาเลเซีย และสิงคโปร์ ที่มีเป้าหมายดึงดูดอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และนวัตกรรมเหมือนกับไทย ก็มีแนวนโยบายไม่ต่างกัน เพียงแต่นโยบายใหม่ของไทยทำให้สิทธิประโยชน์ก้าวขึ้นมาใกล้เคียงกับคู่แข่ง แต่อย่างไรก็ตามไทยยังคงมีความได้เปรียบของพื้นที่ที่อยู่ใจกลางของอาเซียน และสภาพความเป็นอยู่ที่สะดวกสะบาย เป็นมิตรกับคนต่างชาติ
การที่จะให้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง จะต้องวางกลยุทธ์ให้น่าสนใจ นอกจากนี้ภาครัฐควรจะขยายเวลาใบอนุญาตทำงานสำหรับคนต่างชาติจากปัจจุบันที่ต้องต่ออายุทุกๆ 2 ปี ขยายเป็น 3-5 ปี เหมือนกับสิงคโปร์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้บริหารชาวต่างชาติเข้ามาดำเนินงานในไทย ซึ่งไทยไม่เสียประโยชน์แต่กลับจะได้รับภาษีเพิ่ม
“ต่างชาติมองกว่าการจะเริ่มใช้ทันทีในวันที่ 1 มกราคมปีหน้า เร็วเกินไป ต้องใช้เวลาปรับตัวไม่น้อยกว่า 3 เดือน เพราะต้องศึกษาให้รอบคอบก่อนจะมีแผนการลงทุน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี