28 ม.ค.58 นายเมธี สุภาพงษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งที่ 1/2558 วันที่ 28 ม.ค. 2558 คณะกรรมการมีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2% ต่อปี โดย 2 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี เนื่องจากกรรมการส่วนใหญ่ประเมินว่า นโยบายการเงินปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์ผ่อนปรนเพียงพอต่อการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงินในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องมานานและตลาดการเงินโลกมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น
ขณะที่ กรรมการ 2 ท่านเห็นว่านโยบายการเงินควรสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเพิ่มเติม ในช่วงที่ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกมีมากขึ้น แรงกระตุ้นจากภาคการคลังยังต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลชัดเจน และอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับต่ำมากไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงปรับสูงขึ้น ทั้งนี้ ในระยะต่อไปกรรมการเห็นพ้องถึงความจำเป็นที่นโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทั้งนี้ กรรมการจะติดตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการเงินของไทยอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมต่อไป
สำหรับประเด็นที่ กนง.ให้ความสำคัญในการตัดสินนโยบาย คือ เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2557 ฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน โดยเป็นผลจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวที่ปรับดีขึ้น ช่วยชดเชยอุปสงค์ในประเทศที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ในระยะข้างหน้าเศรษฐกิจไทยจะยังมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมากจะช่วยให้การฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศเข้มแข็งขึ้น อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกยังมีอยู่ ทั้งจากการฟื้นตัวช้าของคู่ค้าสำคัญหลายประเทศ ปัญหาการเมือง และการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศหลักที่มีทิศทางแตกต่างกัน ซึ่งอาจทำให้ตลาดการเงินโลกมีความผันผวน
นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงตามราคาพลังงาน และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะหลุดขอบล่างของกรอบเป้าหมายในปีนี้ แต่ไม่ถือเป็นภาวะเงินฝืด เพราะอุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวและราคาสินค้าส่วนใหญ่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมันไม่ได้ปรับลดลง ซึ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังทรงตัว อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มจะปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ตามแนวโน้มราคาน้ำมันโลกเมื่ออุปทานและอุปสงค์ทยอยปรับตัวเข้าสู่สมดุล เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ต้องติดตามคุณภาพของสินเชื่อครัวเรือนและการปรับตัวของราคาสินทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม กนง.ยังได้มีการหารือกันถึงเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้ายกันพอสมควร โดยมองว่าการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงนโยบาย (คิวอี) ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) แตกต่างจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เนื่องจากมาตรการคิวอีของอีซีบีไม่ได้เพิ่มสภาพคล่องมาทางตลาดเอเชีย จึงไม่มีน่าจะมีผลต่ออาเซียนและประเทศไทยมากนัก นอกจากนี้ การดูแลเงินทุนเคลื่อนย้ายนั้น มองว่ามีหลายเครื่องมือที่จะนำมาใช้บริหารจัดการ ส่วนการใช้นโยบายดอกเบี้ย กรรมการหลายคนใน กนง.เห็นว่าถ้าจำเป็นจริงๆ ให้ใช้เครื่องมืออื่นก่อน เพราะขณะนี้อัตราแลกเปลี่ยนของไทยยังไม่หลุดจากปัจจัยพื้นฐานเมื่อเทียบกับค่าเงินในภูมิภาค
"เรามองว่าการทำคิวอีของยุโรป แตกต่างจากสหรัฐ เพราะยุโรปจะเป็นในแง่ของเพิ่มสภาพคล่อง แต่ไม่ได้มาทางตลาดเอเชีย และไม่ไหลเข้าเท่าตอนที่สหรัฐทำคิวอี ส่วนเรื่องของค่าเงินบาทอาจจะแข็งค่ากว่าเล็กน้อย ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบการเก็งกำไรค่าเงิน ด้านเงินทุนไหลเข้าออกยังไม่มีสัญญาณที่ผิดปกติ โดยเรื่องของเงินทุนเคลื่อนย้าย ทางธปท. ไม่ได้เป็นห่วงมากเท่ากับที่ตลาด แต่ได้มีการติดตามดูแลตามความเหมาะสม" นายเมธี กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี