จี้นายกฯดันส่งออก‘วาระแห่งชาติ’ ผู้ประกอบการชี้ศก.โลกน่าห่วง
ต้องปรับกลยุทธ์เพิ่มคำสั่งซื้อ
“สภาผู้ส่งออก” ชี้แนวโน้มส่งออกปี’58 น่าจะโตแค่ 1.5% เผยหารือกับ “ประยุทธ์” ผลักดันการส่งออกเป็นวาระแห่งชาติ ฝ่าฟันวิกฤติสงครามเศรษฐกิจโลก
นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สภาผู้ส่งออกฯ) เปิดเผยแนวโน้มสถานการณ์ส่งออกในปี 2558 ว่า ปัจจุบันไทยสถานการณ์ค่อนข้างน่าเป็นห่วงในเรื่องของการส่งออก เพราะตอนนี้โลกกำลังอยู่ในสถานการณ์สงครามทางเศรษฐกิจของ 3 กลุ่มประเทศ กลุ่มแรกคือ สหรัฐ สหภาพยุโรป(อียู) และญี่ปุ่น ที่ใช้มาตรการคิวอี ในการสร้างผลประโยชน์ให้กับกลุ่มประเทศตน กลุ่มที่สอง คือ จีน รัสเซีย หรือกลุ่มประเทศบริกส์ ที่ต้องการต่อต้าน ยับยั้ง ให้หลุดพ้นจากเงินสกุลเหรียญสหรัฐ และกลุ่มสุดท้ายคือประเทศตะวันออกกลาง ที่ใช้น้ำมันเป็นเครื่องมือในการคานอำนาจ ในขณะที่ประเทศไทย เป็นประเทศตรงกลาง ต้องพึ่งพา และเดินไปตามเกมของสงครามเศรษฐกิจ ดังนั้นประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างประเทศ ผลักดันตนเองให้ไปเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือก็ยอมเป็นประเทศยากจน
“หากต้องการอยู่ให้รอดในสงครามเศรษฐกิจนี้ และไม่ต้องเดินตามเกมสงครามเศรษฐกิจ หรือไล่ตามแก้ปัญหาส่งออกให้วุ่นวายเหมือนในปัจจุบัน”
สำหรับในปี 2558 นี้มองว่าส่งออกของไทยจะขยายตัวได้ที่ 1.5% มีมูลค่า 231,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากในปีที่ผ่านมาฐานตัวเลขการส่งออกไทยค่อนข้างต่ำ ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน ไทยถูกตัดสิทธิประโยชน์พิเศษทางภาษี(จีเอสพี) จากกลุ่มประเทศอียู รวมถึงมาตรการคิวอีของหลายประเทศ ส่วนการส่งออกในครึ่งปีแรกมองว่าจะขยายตัวที่ 0% เฉลี่ย 6 เดือน จะมีมูลค่าการส่งออกที่ 18,750 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน ขณะที่ครึ่งปีหลัง คาดว่าการส่งออกจะดีขึ้น โดยจะขยายตัวได้ที่ 3% หรือเฉลี่ยส่งออกจะอยู่ที่ 19,750 ล้านเหรียญสหรัฐ เพราะประเมินว่าเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น
ทั้งนี้ในการหารือร่วมกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมา ทาง สภาผู้ส่งออกฯ ได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณาจัดทำแผนยุทธศาสตร์การส่งออกไทยใหม่ โดยต้องผลักดันเรื่องนี้ให้เป็นแผนงานวาระแห่งชาติของรัฐบาล ทุกกระทรวงต้องร่วมกันทำงานไม่ใช่ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รับผิดชอบเพียงหน่วยงานเดียว เพราะปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัว กลุ่มประเทศต่างๆ เริ่มทำสงครามเศรษฐกิจ ดึงประโยชน์เข้าประเทศของตนอย่างชัดเจนขึ้น และหากว่าไทยไม่มีแนวทางที่เป็นรูปธรรมในเรื่องการส่งออก ในปีนี้ส่งออกอาจจะอยู่ที่ 0.5-0.6% ซึ่งต่ำกว่าที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าไว้ 4% แน่นอน
“เป้าหมาย 4% ที่ทางกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าไว้ ยอมรับว่าทางภาคเอกชนก็ต้องการผลักดันให้ส่งออกขยายตัวได้ตามนั้นและในการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี เมื่อไม่นานมานี้ ได้เสนอให้ทางรัฐบาลนำเป้าหมายส่งออก 4% มาเป็นเป้าส่งออกของทั้งประเทศ หน่วยงานภาครัฐทุกกระทรวงต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดขึ้น เพราะเรื่องส่งออกไม่ได้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์เพียงหน่วยงานเดียวอีกต่อไปแล้ว”
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การส่งออกของไทยในปีนี้ต้องยอมรับว่าค่อนข้างแข่งขันลำบาก เพราะต้องเจอปัจจัยลบในหลายเรื่อง ทั้งปัญหาเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ค่าเงินที่ผันผวน การถูกตัดจีเอสพีจากอียู โดยภาพรวมยังมองไม่เห็นปัจจัยบวกมากนัก ซึ่งในปีนี้ส่งออกน่าจะขยายตัวได้ที่ประมาณ 1.5% ส่วนสินค้าเกษตรในปีนี้มองว่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อน ยกเว้นยางพาราที่ราคาน่าทรงตัวต่ำอยู่ แต่หากจะให้การส่งออกมีมูลค่าเพิ่มจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นคงหวังได้ยาก มีเพียงต้องเพิ่มปริมาณสินค้าด้วยถึงจะช่วยเพิ่มมูลค่าส่งออกได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี