16 ก.พ.58 นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานกรรมการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เปิดเผยว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ตามแผนฟื้นฟูกิจการ ธนาคารตั้งเป้าลดหนี้เอ็นพีแอลในไตรมาสแรก ปี 2558 ให้ได้จำนวน 10,300 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปี 2558 หนี้เอ็นพีแอลจะลดไป 2 หมื่นล้านบาท หรือลดไป 20% จากปัจจุบันเอ็นพีแอลทั้งหมดมี 4.7 หมื่นล้านบาท หรือ 44% ของสินเชื่อคงค้าง 1.09 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้ได้สำรองบวกกลับมาประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับแนวทางการบริหารจัดการหนี้เอ็นพีแอลรายใหญ่และเอสเอ็มอีได้แยกออกเป็น 4 กลุ่ม ตามศักยภาพและลักษณะของปัญหาจำนวนทั้งสิ้น 39,095 ล้านบาท มี 181 ราย แบ่งเป็น 1.กลุ่มที่ยังดำเนินกิจการอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถฟื้นตัวได้มีอยู่จำนวน 4,933 ล้านบาท มี 15 ราย ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนจากธนาคาร 2.กลุ่มดำเนินกิจการฟื้นตัวได้และกิจการมีศักยภาพแต่มีความจำเป็นต้องลดภาระหนี้ 10,445 ล้านบาท มี 33 ราย 3.ลูกหนี้ที่ดำเนินกิจการแต่ฟื้นตัวยาก กระแสเงินสดไม่เพียงพอต่อการดำเนินกิจการอยู่ 4,616 ล้านบาท มี 25 ราย 4.ลูกหนี้หยุดดำเนินกิจการไม่ให้ความร่วมมือ และต้องดำเนินตามกฎหมายจำนวน 19,101 ล้านบาท มี 108 ราย
ส่วนการแก้ไขหนี้กลุ่มรายย่อยที่มีวงเงินต่ำกว่า 20 ล้านบาท อีกกว่า 8,000 ล้านบาท โดยสินเชื่อที่มีหลักประกันจะกำหนดให้สาขามีส่วนร่วมในการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้ที่อยู่ในพื้นที่ และเร่งรัดการบริหารและติดตามการแก้ไขหนี้ ปรับกระบวนการให้กระชับมากขึ้น ขณะที่สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน และค้างชำระมากกว่า 12 เดือน จะว่าจ้างบริษัทภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญร่วมบริหารหนี้
"หากสามารถลดเอ็นพีแอลได้แล้ว และสินเชื่อใหม่ที่เป็นน้ำดีเข้ามา รวมถึงได้เงินเพิ่มทุนจากกระทรวงการคลัง จะทำให้สัดส่วนกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บีไอเอส) บวกกลับมาอยู่ที่ติดลบเลขตัวเดียว จากปัจจุบันบีไอเอสติดลบอยู่ถึง 11-12%" นายชัยวัฒน์ กล่าว
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ธนาคารยังต้องเร่งตรวจสอบฟ้องดำเนินคดี โดยหลังจากที่ได้ว่าจ้างดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ เข้ามาตรวจสอบสถานะทางการเงิน(ดิวดิลิเจ้นท์) พบว่า ที่ผ่านมาได้มีการปล่อยสินเชื่อไม่ถูกต้องเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะปี 2553-2555 ที่มีการปล่อยในลักษณะเอื้อประโยชน์แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นจำนวน 3 หมื่นล้านบาท ทำให้สินเชื่อไหลกลับเข้ามาเป็นเอ็นพีแอล เพราะสินเชื่อดังกล่าวไม่คุณภาพตั้งแต่แรก โดยธนาคารจะดำเนินคดีทางอาญาหากมีหลักฐานเพียงพอชัดเจน
นอกจากนี้ธนาคารยังอยู่ระหว่างศึกษาการจัดตั้งเอเอ็มซี เพื่อบริหารหนี้ และหาพันธมิตรร่วมทุนให้ได้ภายใน 3 ปี รวมถึงจะต้องมุ่งเน้นลูกค้ามุสลิมมากขึ้น เพิ่มบทบาทจัดอบรมผู้ประกอบการ และเป็นหน่วยงานส่งเสริมรับรองมาตรฐานฮาลาล ขณะเดียวกันยังต้องลดสาขาให้ไปอยู่ที่เหมาะสมและจำเป็น ซึ่งอยู่ระหว่างหารือกับธนาคารทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อขายสิทธิ์โอนย้ายสาขา คาดจะลดค่าใช้จ่ายไปได้ปีละประมาณ 100 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี