รมว.พลังงานคาด90วันสนช.แก้กม.เสร็จ-ราคาก๊าซยังถูกตามน้ำมัน
7เดือนเคาะสัมปทานปิโตรฯ
รมว.พลังงาน ยังเชื่อการเปิดสัมปทานปิโตรเคมีรอบ 21 ไม่ต้องรอนาน คาดสนช.วางกติกาใหม่เสร็จภายใน 3 เดือน และมีเวลา 4 เดือน เปิดเชิญชวนให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน รวมแล้วอยู่ในรอบเวลา 7 เดือน ก็เริ่มดำเนินการได้ ส่วนปัญหาแหล่งก๊าซ
เยตากุน กฟผ.มีแผนรองรับ โรงไฟฟ้าถ่านหินหงสา จ่ายไฟเข้าระบบได้ทันเวลา
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแผนดำเนินงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ว่า ในวันที่ 26 ก.พ. ได้ลงนามยกเลิกประกาศการเปิดให้เอกชนยื่นสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบที่ 21 ตามกรอบระยะเวลาเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 16 มีนาคม ออกไปอีก 3 เดือน ตามคำสั่ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งระหว่างนี้ต้องรอคณะทำงานในการแก้ไขกฎหมายการบริหารทรัพยากรปิโตรเลียมในประเทศให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนก่อนที่จะมีการประกาศให้เอกชนยื่นสิทธิสำรวจและผลิตตามกรอบเวลาเดิมที่ 120 วัน โดยรูปแบบการแก้กฎหมายนั้นทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะเป็นผู้ดำเนินการต่อไป
ส่วนกรณีที่มีบางฝ่ายระบุว่าถ้าไม่สำรวจฯก๊าซธรรมชาติยังไงก็ไม่หมดแต่ที่หมดเป็นการหมดอายุสัมปทานของแหล่งเอราวัณและบงกชในอ่าวไทย ข้อเท็จจริง คือ หากไม่สำรวจฯเพิ่มก๊าซในอ่าวไทยก็จะทยอยลดลงแน่นอนและปริมาณก็จะอยู่ในอัตราที่ต่ำเมื่อการบริโภคขยายตัวจากปัจจุบันที่การบริโภคเฉลี่ยที่ 5,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันก็จะต้องหันไปพึ่งพิงการนำเข้ามากขึ้นในรูปของก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่มีราคาแพง
“เชื่อมั่นว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.จะร่างหรือแก้ไขกฎหมาย เพื่อออกกติกาสำหรับการเชิญชวนให้ เอกชนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมได้ภายในระยะเวลาที่นายกรัฐมนตรีกำหนดภายใน 3 เดือน หลังจากนั้นจะออกประกาศเชิญชวนรอบใหม่เพื่อให้เอกชนยื่นขอสำรวจภายใน 120 วัน หรือ 4 เดือนนับจากกฎหมายใหม่มีผล ซึ่งจะอยู่ในกรอบเวลา ราว 7 เดือนข้างหน้า”
นายณรงค์ชัย กล่าวด้วยว่า ในเรื่องการดำเนินการของ กฟผ.ได้มอบหมายให้ดูแลความมั่นคง ค่าไฟฟ้าจะต้องไม่แพงเป็นธรรมต่อประชาชน และโรงไฟฟ้าจะต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอยู่ในแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี ที่จะกระจายเชื้อเพลิงลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ มีการใช้ถ่านหินเพิ่มมากขึ้นในสัดส่วนร้อยละ 20-30 อย่างไรก็ตามยอมรับว่า การก่อสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศ มักจะถูกคัดค้าน ดังนั้นจึงต้องมีการเจรจารับซื้อไฟฟ้าจากเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมาร์ สปป.ลาว โดยสัดส่วนจะไม่เกินร้อยละ 20 ของความต้องการในอนาคต
“กรณีก๊าซเมียนมาร์แหล่งเยตากุนลดต่ำลงกว่าแผน ก็น่าเป็นห่วง ทางออกก็ต้องเตรียมน้ำมันดีเซลผลิตไฟฟ้าทดแทน ซึ่งก็จะกระทบค่าไฟฟ้าในที่สุด”รมว.พลังงานกล่าว
ส่วนนโยบายการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินของกฟผ.ยังคงเป็นไปตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี) ฉบับใหม่ ที่ต้องการลดสัดส่วนก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า และเพิ่มสัดส่วนของเชื้อเพลิงถ่านหิน ขณะเดียวกันได้เตรียมแผนรองรับในกรณีที่ไทยไม่สามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินได้ตามแผนที่วางไว้ ก็จะมีการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น โดยตั้งเป้าในกรอบไม่เกินร้อยละ 20 ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งการปฏิรูปโครงสร้างพลังงานจะเน้นการลดใช้ก๊าซธรรมชาติและนำพลังงานทดแทนมาใช้ในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น
นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)กล่าวว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าในปี 2558 คาดว่าจะอยู่ประมาณ 27,600 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายนนี้ เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ร้อยละ 3 ซึ่งอยู่ที่ 26,942 เมกะวัตต์ โดยในเดือนมกราคมปริมาณความต้องการใช้เพิ่มขึ้น 1-2% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2557 ทั้งนี้ทาง กฟผ. คาดการณ์ว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งปีจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3%
ส่วนการรองรับปัญหาแหล่งเยตากุน ที่ต้องลดปริมาณส่งก๊าซนั้น ถือว่าโชคดีที่โรงไฟฟ้า ถ่านหินหงสา สปป.ลาวเสร็จตามกำหนดและจะเข้าระบบได้ในเดือนมีนาคม 2558 นี้จะช่วยลดภาระได้ระดับหนึ่ง ในขณะที่ กฟผ. เดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินตามแผนทั้งโรงไฟฟ้ากระบี่ และโรงไฟฟ้าเทพา จ.สงขลา ในขณะที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทน เครื่องที่ 4 – 7 กฟผ.จะลงนามกับบริษัทเอกชนที่ชนะการประมูลในเดือนมีนาคมนี้
ส่วนแนวโน้มอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ในงวดเดือนพ.ค.-ส.ค. 2558 มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนมายังราคาก๊าซธรรมชาติให้ปรับตัวลงตามไปด้วย ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันดิบ รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งหากเฉลี่ยอยู่ที่ 33 - 34 บาทต่อเหรียญสหรัฐก็มีแนวโน้มที่ลดลงในงวดต่อไป
ส่วนกรณีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด คดีโรงไฟฟ้าแม่เมาะเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 ตามที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาโดยสรุปให้กฟผ. ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยแก่ผู้ฟ้องคดีตามที่ศาลปกครองชั้นต้นได้พิพากษา รวมทั้งบางรายที่ศาลปกครองชั้นต้นวินิจฉัยว่ายื่นฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดเวลาการฟ้องคดี ก็ให้ได้รับค่าสินไหมทดแทนด้วย รวมทั้งสิ้น
123 ราย ซึ่ง กฟผ.จะขอให้สำนักงานศาลปกครองเชียงใหม่คำนวณค่าสินไหมทดแทนและดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายตามคำพิพากษาเพื่อความถูกต้อง จากนั้น กฟผ. จะเร่งดำเนินการจ่ายสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาให้แล้วเสร็จโดยเร็วประมาณกลางเดือนมีนาคม 2558
“จากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด แม้จะส่งผลให้ กฟผ. ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ราษฎรก็ตาม แต่ก็ได้สะท้อนให้เห็นว่าความพยายามและสิ่งที่ กฟผ. ดำเนินการมาตั้งแต่เกิดปัญหาขึ้น เช่น การติดตั้งระบบกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และมลภาวะอื่นๆ รวมทั้งระบบตรวจวัดต่างๆ มาแก้ไขปัญหา ทำให้ตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมา จึงไม่เกิดปัญหาก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกินมาตรฐานอีก เช่นเดียวกับปัญหาฝุ่นละอองที่อยู่ในการฟ้องร้องด้วยนั้น ศาลฯ มีความเห็นว่า โรงไฟฟ้าแม่เมาะไม่เป็นสาเหตุแห่งการเจ็บป่วย จึงอยากให้ราษฎรแม่เมาะและประชาชนมั่นใจว่า ปัญหาในอดีตที่ผ่านมานั้น กฟผ. ได้แก้ไขแล้วเสร็จมากว่า 15 ปีแล้ว”นายสุนชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีเหมืองแม่เมาะ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาไปเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ กฟผ. ได้ประสานงานไปยังกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) แล้ว เพื่อให้การดำเนินการครบถ้วนตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยจะให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ตามคำสั่งของศาลฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี