ต้องไม่ทำให้คนรุ่นก่อนผิดหวัง...
ความท้าทายเดียวที่มีของ..วรยุทธ กิตติอุดม…
ผู้บริหารเจน3ของ…รุ่งกิจ เรียลเอสเตท…
วรยุทธ กิตติอุดม
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท รุ่งกิจ เรียลเอสเตท จำกัด
หรือ “อาร์เค พร็อพเพอร์ตี้”…
บริษัท รุ่งกิจ เรียลเอสเตท จำกัด หรือ“อาร์เค พร็อพเพอร์ตี้”...รับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ที่ยืนยงอยู่ในวงการมากว่า 30 ปี จนได้ฉายาว่า “เจ้าพ่อแนวอสังหาฯแนวราบ กรุงเทพฝั่งตะวันออก”....เริ่มจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง คนของจีนจากโพ้นทะเล...ขยับมาทำอาคารพาณิชย์ และเมื่ออาคารพาณิชย์เริ่มไม่เป็นที่นิยมของตลาด เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ก็เริ่มขยับขึ้นมาทำโฮมออฟฟิศ...จากรากฐานที่วางไว้โดย รุ่นที่ 1 สานต่อให้เติบโตโดยรุ่นที่ 2 จนกระทั่งวันนี้...ได้สืบทอดต่อโดยรุ่นที่ 3 ภายใต้การนำของหนุ่มวัยเพียง 30 เศษๆ...วรยุทธ กิตติอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รุ่งกิจ เรียลเอสเตท จำกัด หรือ “อาร์เค พร็อพเพอร์ตี้”...
วรยุทธ หรือ กอล์ฟ บอกกับ“มุมมองนักบริหาร”ว่า...เขาเติบโตมาพร้อมกับธุรกิจของตระกูล ได้เรียนรู้งานตั้งแต่อายุ 13-14 ปี...ที่คุณปู่และคุณพ่อมักจะพาไปที่ไซต์งานก่อสร้าง เริ่มจากเป็นลูกมือช่าง ช่วยงานทุกอย่างตั้งแต่ยกหินขนทราย ผสมปูน แม้แต่วิ่งซื้อของให้ช่าง...ช่วยงานของครอบครัวมาตลอดกว่า 20 ปี...ลูกน้องพ่อหลายคนที่ยังอยู่กับบริษัทเห็นเขามาตั้งแต่เด็กๆ พอได้รับมอบหมายให้สานงานต่อจากคุณพ่อจึงไม่มีปัญหาในเรื่องช่องว่างระหว่างผู้บริหารอายุน้อยกับนายช่างเก่าๆ..เหมือนที่หลายแห่งต้องเจอเมื่อคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารงานต่อจากคนรุ่นพ่อ..ตรงกันข้ามคนเก่าๆ เขายังรักเรา และสนับสนุนเราด้วย เพราะเขารู้ว่าเราตั้งใจจริง ทำงานได้จริง และเข้าใจพวกเขา...
วรยุทธบอกว่า..ความท้าทายอย่างเดียวที่มีตอนนี้สำหรับเขา คือทำอย่างไรให้กิจการของตระกูลเติบโตขึ้นไปอย่างยั่งยืนไม่ทำให้คุณปู่ และคุณพ่อผิดหวัง...วรยุทธยอมรับว่าปัจจุบันเงื่อนไขธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปมาก...ห้องแถว อาคารพาณิชย์ เหมือนสมัยก่อนขายไม่ได้แล้ว แม้แต่“ทาวน์โฮม” ตลาดที่บริษัทถนัดและถึงแม้ว่าเป็นสินค้าที่ยังไม่ล้าสมัยก็ตาม แต่ก็ทำแบบเดิมไม่ได้เหมือนกัน เพราะคู่แข่งในธุรกิจก็มีไม่น้อย พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนเร็วและหลากหลายขึ้น...จึงต้องสร้างความแตกต่างของสินค้าเราให้ได้...ที่สำคัญเราจะอิงกับฐานลูกค้าเดิมอย่างเดียวไม่ได้ด้วย
ทั้งนี้หลังจากบริษัทได้ปรับแผนธุรกิจครั้งใหญ่ เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขัน และหลังจากประเมินแล้วว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 จะกลับมาเติบโตหลังมีความชัดเจนด้านการลงทุนในสาธารณูปโภคและระบบขนส่งมวลชนภาครัฐ รวมถึงการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งบริษัทจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการที่มีจุดขายเฉพาะ คือโฮมออฟฟิศ และทาวน์โฮม เน้นพัฒนาบนที่ดินสะสมกว่า 10 แปลงกระจายในหลายทำเล ส่วนใหญ่ในกรุงเทพตะวันออกบริเวณ มีนบุรี หทัยราษฎร์ ร่มเกล้า คู้บอนและสุขาภิบาล จึงทำให้ต้นทุนการพัฒนาต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่น และสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ได้
“เราเป็นบริษัทอสังหาฯรายเล็ก มีความเสียเปรียบในทุกด้าน โดยเฉพาะแบรนด์สินค้า แต่จะมุ่งพัฒนาโครงการที่แตกต่าง อย่าง
ทาวน์โฮม ราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป จะมีคลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำให้กับลูกค้า”
ดังนั้นในปี’58 ยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนของเราคือ จะมีการขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสและสร้างตลาดใหม่ๆ ขึ้นมา...และภายในปี’58บริษัทจะมีการเปิดโครงการรูปแบบใหม่...โดยได้ลงทุนทำโครงการใหม่ 4 โครงการ 1.โครงการบ้านเดี่ยว โซนรามคำแหง 130 รูปแบบบ้านเดี่ยว บนเนื้อที่โครงการ 6 ไร่ ราคาเริ่มต้นกว่า 5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 180 ล้านบาทคาดเปิดไตรมาส 3 ปีหน้า....2.โครงการคอนโดมิเนียม โลว์ไรส์ บนถนนรามอินทรา 65 บนเนื้อที่ 1 ไร่ มี 2 อาคาร รวม 94 ยูนิต ขนาดเริ่มต้น 24-27 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 1.2-1.8 ล้านบาท..ซึ่งเป็นโครงการแรกที่รุกตลาดคอนโดมิเนียม
3.โครงการบริเวณสายไหม รูปแบบโฮมออฟฟิศ สูง 4 ชั้น ซึ่งอยู่ด้านหน้าโครงการ จำนวน 6 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 7 ถึง 10 ล้านบาท และส่วนของทาวน์โฮม สูง 3 ชั้น จำนวน 36 ยูนิต ขนาด 20 ตารางวา ราคา 3.4-3.6 ล้านบาท และทาวน์โฮม สูง 2 ชั้น จำนวน 140 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.5-3 ล้านบาท รวมทั้งโครงการพัฒนาบนเนื้อที่ 18 ไร่ มูลค่าการขายโครงการ 550 ล้านบาท เปิดขายไตรมาสแรกปี’58
และ 4.โครงการบริเวณคู้บอน กม.8 บนเนื้อที่ 24 ไร่ ในเบื้องต้นจะเป็นแบบโฮมออฟฟิศ ราคาเริ่มต้น 6 ล้านบาท และทาวน์โฮม ราคาเริ่มต้น 2.2 ล้านบาท มูลค่าเบื้องต้นกว่า 500 ล้านบาท เปิดขายไตรมาส 4 ปี’58
นอกจากนี้บริษัทกำลังจะสร้างโครงการให้เป็น “ซิกเนเจอร์แบรนด์” ของเรา 2 โครงการ คือ...RK the regent street...บนเนื้อที่ 12-2-40 ไร่ home office 4 ชั้น 146 ยูนิต มูลค่า 1,022 ล้านบาท จุดเด่นของโครงการนี้คือการสร้าง บรรยากาศให้เหมือนกับโฮมออฟฟิศ ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และด้วยหน้ากว้างของโครงการกว่า 200 เมตร อยู่ติดถนนใหญ่ เหมาะกับการทำโชว์รูมของลูกค้า และ RK haus the humbergเป็นโครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและโฮมออฟฟิศ 3 ชั้น และ 4 ชั้น รวม 196 ยูนิต มูลค่า 830 ล้านบาท อยู่ย่านถนนพระยาสุเรนทร์ ซึ่งเราจะสร้างให้มีบรรยากาศของท่าเรือเมืองฮัมบรูกประเทศเยอรมนี...
วรยุทธบอกกับมุมมองฯอีกว่านอกจากการปรับแบรนด์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น รวมทั้งปรับปรุงในเรื่องของการออกแบบแล้ว แนวคิดหลักในการพัฒนาโครงการของเขา คือ “เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม เน้นทำเลถนัด ในราคาต้นทุนที่ถูกกว่า เพราะเชื่อว่า นี่คือจุดขายสำคัญที่ทำให้ “รุ่งกิจเรียลเอสเตท” หรือ “อาร์เค” ซึ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางสามารถยืนหยัดอยู่ได้ภายใต้ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงอย่างนี้ได้
“ที่ดินส่วนใหญ่ที่พัฒนาจะเป็นแลนด์แบงก์ของตระกูล ซึ่งยังมีเหลืออีกหลายสิบแปลง โดยจะทยอยนำมาพัฒนาโครงการ ตามแผนการขยายองค์กรของอาร์เคให้เติบโต ซึ่งแนวโน้มแล้วภายในปี’59 โครงการคอนโดมิเนียมจะอยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์ และ 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นแนวราบ จากที่คาดว่าคอนโดฯ ปี’58 สัดส่วนจะอยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงเตรียมขยายตลาดไปสู่เมืองท่องเที่ยว เช่น ชลบุรี พัฒนาโครงการแนวราบ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาจัดซื้อที่ดิน ทั้งนี้ในแผนธุรกิจ ในปี’59 ทางอาร์เคจะเข้าตลาดระดมทุนในตลาด mai รองรับแผนขยายธุรกิจ”
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี