ไตรมาสแรกเม็ดเงินหายแสนล้าน
ประชาชนเริ่มกังวลประเด็นการเมือง
อัดรัฐเทเงินเข้าระบบต่ำเป้า
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ ม.หอการค้า เล็งหั่นเป้า จีดีพี ปี’58 เหตุรัฐอัดเงินเข้าระบบช้า ซ้ำส่งออกยังไม่ขยายตัว รวม 2 ปัจจัย ทำให้ไตรมาสแรก เม็ดเงินหายไปจากระบบ แสนล้านบาท ซ้ำการบริโภค เหตุรายได้เกษตรตกต่ำ ทำให้เอกชนยังไม่กล้าลงทุน เหลือแค่การท่องเที่ยวที่ขยาย แต่ช่วยอะไรไม่ได้มาก
นางสาวเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงผลสำรวจความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากระดับ 69.7 ในเดือนที่ผ่านมา จากราคาขายปลีกน้ำมันที่เริ่มปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่การส่งออกลดลง และราคาพืชผลทางการเกษตรยังทรงตัวระดับต่ำ
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมยังมีโอกาสลดลงต่อเนื่อง เพราะเดือนกุมภาพันธ์ปรับลดลงจากราคาน้ำมันเริ่มปรับขึ้นทั้งตลาดโลกและตลาดในประเทศ และสถานการณ์ราคาพืชผลทางการเกษตรยังต่ำ ขณะที่การประมูลโครงการต่างๆ ยังล่าช้า ผู้ประมูลไม่สนใจงานวงเงินไม่สูง ส่งผลให้งบประมาณที่รัฐบาลเร่งเบิกจ่ายในส่วนนี้ไม่อาจชดเชยการไม่ปลูกข้าวนาปรังและสถานการณ์ยังคงอยู่ต่อไปอีก 1-2 เดือน การส่งออก การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับคนเริ่มกังวลสถานการณ์การเมือง อย่างไรก็ตาม หวังว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดดอกเบี้ยนโบาย ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงจะช่วยการส่งออกให้ดีขึ้นได้
นายธนวรรธน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ ศูนย์มีแนวโน้มที่จะปรับประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจไทย จากเดิมทั้งปีคาดว่าจะโต 3.5-4% โดยจะปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้โตเหลือเพียง 3-3.5% ส่วนการส่งออกทั้งปีจะปรับลดจากเดิมที่ประเมินว่าขยายตัว 3-4% จะปรับลดลงเหลือ 1-2% เนื่องจากไตรมาสแรกเศรษฐกิจไทยภาพรวมจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3-3.5% แต่แนวโน้มสถานการณ์จริงอาจจะขยายตัวเพียง 2.5% เท่านั้น
ทั้งนี้การส่งออก ไตรมาสแรกจากที่ควรจะขยายตัวได้ 2-3% แต่สถานการณ์จริงอัตราการขยายตัวกลับติดลบ 2% ทำให้รายได้ส่งออกหายไป 30,000 – 50,000 ล้านบาท ขณะที่เงินบาทจากกว่า 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 32.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ด้านการบริโภคปกติยังไม่ฟื้นตัว เห็นได้จากการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ตรุษจีน และวันมาฆบูชาชะลอตัวลง โดยประมาณแล้วคาดว่า การใช้จ่ายหายไปอีก 50,000 ล้านบาท รวมแล้วเม็ดเงินหายไปจากระบบเศรษฐกิจถึง 100,000 ล้านบาท ขณะที่เงินเฟ้อจากเดิมคาดว่าจะอยู่ระดับ 1-1.8% แต่สถานการณ์จริงอยู่ที่ 0.5-1.3% สะท้อนถึงการบริโภคไม่อาจขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้
นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจไทยตอนนี้รอการขับเคลื่อนเม็ดเงินงบประมาณจากรัฐบาล ซึ่งเดิมคาดว่าปลายปี 2557 จะมีการจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่สถานการณ์จริงการใช้จ่ายงบประมาณรับกลับทำได้ล่าช้า ทั้งที่จริงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ภาพโดยรวมควรมีการอัดฉีดเงินจากการเข้ามาหมุนเวียนเข้าในระบบเศรษฐกิจสูงถึง 50,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย แต่กลับเป็นว่าเม็ดเงินดังกล่าวยังไม่เข้ามา
“สิ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตอนนี้ คือ ภาคการท่องเที่ยว และ การลงทุนภาครัฐที่จะต้องเร่งอัดฉีดเงินเข้ามา และหากค่าเงินอยู่ในช่วง 32.5- 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ก็จะช่วยภาคการส่งออกของไทยให้ค่อยฟื้นตัวขึ้นมาได้ในช่วงปลายไตรมาส 2
ซึ่งจะช่วยให้การบริโภคภายในประเทศฟื้นตามขึ้นมาได้ บวกกับการอัดฉีดเงินจากภาครัฐ และ การท่องเที่ยว ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวชัดเจนในไตรมาส 2” นายธนวรรธน์กล่าว
ด้านนายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี กล่าวว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของไทยยังคงไม่แข็งแกร่งมาก แต่ยังไม่เผชิญกับภาวะเงินฝืด แม้อัตราเงินเฟ้อจะออกมาติดลบถึง 2 เดือนติดต่อกัน ทั้งนี้เป็นห่วงการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่มีความล่าช้า ทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเห็นว่าแม้จะมีแรงกดดันให้คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง.ลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าการประชุมกนง.ในวันที่ 11 มีนาคมนี้ กนง.จะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2% เพื่อเก็บกระสุนไว้ใช้ในยามจำเป็น ส่วนการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทคาดว่าจะอยู่ประมาณ 33.10 บาทต่อดอลลาร์ โดยจะอ่อนค่าลงในช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วนเรื่องค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าในช่วงนี้สาเหตุมาจากการส่งสัญญาณ ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระหว่าง 0 - 0.25% นานขึ้น อย่างไรก็ตาม เฟดอาจจะเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 ส่งผลให้ค่าเงินบาทในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มอ่อนค่าอีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี