บอร์ด ธ.ก.ส.ไฟเขียวแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรลูกค้า 818,000 ราย มูลหนี้ 1.16 แสนล้านบาท ผ่านโครงการปลดเปลื้องหนี้สิน ปรับปรุงโครงสร้างหนี้และขยายเวลาชำระหนี้ พร้อมลดดอกเบี้ยให้ลูกค้าชั้นดี รวมทั้งเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนขยายการผลิต
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการธ.ก.ส.เห็นชอบตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐกิจในโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรรายย่อยผ่านระบบธ.ก.ส. เพื่อช่วยเหลือแก่เกษตรกรที่ประสบปัญหาการชำระหนี้เกิดจากภาวะเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ รวมถึงราคาผลผลิตตกต่ำ โดยช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยที่มีหนี้สินรายละไม่เกิน 500,000 บาท จำนวน 818,000 ราย หนี้สินรวมประมาณ 116,000 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 – 31 มีนาคม 2559
การช่วยเหลือดังกล่าว ประกอบด้วย3 โครงการย่อย ได้แก่ 1.โครงการปลดเปลื้องหนี้สิน กลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรรายย่อยที่ไม่มีศักยภาพ หรือมีเหตุผิดปกติ เช่น เสียชีวิต ทุพพลภาพ เจ็บป่วยเรื้อรัง และมีปัญหาสุขภาพจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ จำนวน 28,000 ราย หนี้สิน 4,000 ล้านบาท โดยธ.ก.ส. จะสอบทานลูกหนี้เพื่อการจัดการหนี้และพิจารณาปลดหนี้ให้แก่เกษตรกรรายย่อยโดยการจำหน่ายหนี้เงินกู้ออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญ ตามหลักเกณฑ์การจำหน่ายทรัพย์สินประเภทลูกหนี้ออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญของธ.ก.ส.
2.โครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ กลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรรายย่อยที่มีศักยภาพต่ำ โดยผ่านการประเมินศักยภาพแล้วปรากฏว่ายังมีความสามารถในการประกอบอาชีพแต่มีปัญหาในการชำระหนี้จากเหตุสุจริตจำเป็นและเป็นภาระหนัก จำนวน 340,000 ราย หนี้สินจำนวน 48,000 ล้านบาท โดยธ.ก.ส.จะสอบทานลูกหนี้เพื่อการจัดการหนี้และพิจารณาจัดทำการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่เกษตรกรลูกค้าตามศักยภาพโดยให้ชำระต้นเงินตามงวดหรือระยะเวลาที่ตกลงกันแต่ไม่เกิน 10 ปี เว้นแต่มีความจำเป็นอาจกำหนดให้ชำระไม่เกิน 15 ปี
นอกจากนี้ยังปลอดชำระต้นเงินเป็นระยะเวลา 3 ปี ธ.ก.ส.จะคิดดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในอัตราปกติคือMRR 7% ส่วนดอกเบี้ยก่อนปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้พักไว้เพื่อรอการจัดการ เมื่อเกษตรกรลูกค้าชำระหนี้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยได้ตามงวดชำระหนี้ที่กำหนดธ.ก.ส.จะพิจารณายกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยที่พักไว้ตามศักยภาพของเกษตรกรลูกค้าแต่ละราย และดำเนินการฟื้นฟูการประกอบอาชีพให้แก่เกษตรกร รวมถึงสนับสนุนสินเชื่อเพิ่มเติมให้แก่เกษตรกรตามแผนฟื้นฟูการประกอบอาชีพการเกษตรหรืออาชีพอื่นที่เหมาะสม เงินกู้ต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท วงเงินสินเชื่อรวม 15,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยในอัตราปกติของ ธ.ก.ส.
3.โครงการขยายระยะเวลาชำระหนี้ กลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรรายย่อยที่มีศักยภาพในการประกอบอาชีพ แต่ได้รับผลกระทบจากการงดทำนาปรัง และราคายางพาราตกต่ำ จำนวน 450,000 ราย หนี้สินจำนวน 64,000 ล้านบาท ธ.ก.ส.จะสอบทานหนี้เพื่อการจัดการหนี้ และพิจารณาขยายระยะเวลาชำระหนี้ตามศักยภาพของเกษตรกรลูกค้า คิดดอกเบี้ยในอัตราปกติของ ธ.ก.ส. และไม่คิดเบี้ยปรับ
นายลักษณ์กล่าวว่าธ.ก.ส.ยังได้สนับสนุนสินเชื่อเพิ่มเติมให้แก่เกษตรกรลูกค้าเพื่อปลูกพืชอื่นทดแทน หรือประกอบอาชีพการเกษตรอย่างอื่น เพื่อเพิ่มรายได้ เงินกู้ต่อรายไม่เกิน 100,000 บาท วงเงินสินเชื่อรวม 35,000 ล้านบาท โดยคิดดอกเบี้ยในอัตราปกติ ธ.ก.ส.
สำหรับลูกหนี้ที่ชำระหนี้ได้ตามกำหนดจะลดอัตราดอกเบี้ยและให้สินเชื่อเพิ่มเติมสำหรับใช้จ่ายยามฉุกเฉินหรือจำเป็นในครอบครัว ตามโครงการสินเชื่อเงินด่วน (A - Cash) วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR 7% ต่อปี ให้สินเชื่อโครงการแก้ไขหนี้นอกระบบของเกษตรกรและบุคคลในครัวเรือน เงินกู้ 100,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อเดือน ได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการกองทุนทวีสุขเพื่อการออมเงินยามเกษียณ พร้อมรับดอกเบี้ยพิเศษและสวัสดิการโครงการ ให้สินเชื่ออุ่นใจคนไกลบ้าน สำหรับบุตรของเกษตรกรลูกค้าที่เข้ามาทำงานในเมือง เงินกู้ 100,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อเดือน เป็นต้น
นอกจากนี้ยังได้ผ่อนปรนหลักประกันจำนอง เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าที่มีประวัติการชำระหนี้ได้ติดต่อกันตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป โดยขยายวงเงินกู้เพิ่มเติมให้กับเกษตรกรลูกค้าที่ใช้หลักประกันจำนองกู้เงินได้ในอัตรา 100% ของวงเงินจดทะเบียนจำนอง อย่างไรก็ตาม จะต้องได้รับความเห็นชอบจาก ครม.ก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี