“คลัง” จัดเวิร์คช้อปแก้ราคายางพาราเดือน พ.ค.นี้ ไม่ให้ชาวสวน-ผู้ประกอบการขาดสภาพคล่องด้านการเงิน ขณะที่ผู้เลี้ยงไก่อ่วม! พบแบกรับการขาดทุนไม่ไหวเลิกเลี้ยง-ลดการผลิต จี้ “เอ้กบอร์ด” สกัดบริษัทใหญ่นำเข้าแม่พันธุ์เสรี
แหล่งข่าวจาก กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในเดือนพ.ค.2558 จะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการ หรือเวิร์คช็อปกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดถึงการดูแลยางพาราในฤดูกาลรอบใหม่ที่จะถึงในเดือน พ.ค.นี้ เพื่อเข้าช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้ประกอบการไม่ให้ขาดสภาพคล่องด้านการเงิน โดยจะนำมาตรการทั้ง 16 โครงการเดิมที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันมาทบทวนใหม่ทั้งหมด ก่อนเสนอให้คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ(กนย.) และคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาเห็นชอบต่อไป
“ฤดูใหม่ของยางพาราจะมีการเวิร์คช็อปเพื่อหาข้อสรุป โดยจะนำโครงการเก่าทั้ง 16 โครงการมาปัดฝุ่น ซึ่งจะต้องทบทวนจุดอ่อนของแต่ละโครงการว่ามีอะไร จึงจะปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับการช่วยเหลือในสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด จากปัจจุบันราคายางแผ่นรมควันชั้น3อยู่ที่51.01บาท” แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับทั้ง 16 โครงการเดิม ประกอบด้วย 1.โครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกร เพื่อใช้ในการรวบรวมยาง วงเงิน 10,000 ล้านบาท 2.โครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพารา วงเงิน 5,000 ล้านบาท 3.โครงการสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพเสริมรายละไม่เกิน 100,000 บาท วงเงิน 10,000 ล้านบาท 4.โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง วงเงิน 6,000 ล้านบาท
โครงการที่ 5.โครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยาง เพื่อขยายการผลิตหรือปรับเปลี่ยนเครื่องจักรการผลิต วงเงิน 15,000 ล้านบาท 6.โครงการชดเชยรายได้ แก่เกษตรกรชาวสวนยางไร่ละ 1,000 บาท รายละไม่เกิน 15,000 บาท 7.โครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยางวงเงิน 10,000 ล้านบาท 8.โครงการพัฒนาตลาดตามแผนปรับโครงสร้างระบบตลาดยางพารา 9. โครงการจัดหาตลาดใหม่เพื่อส่งออกยางพารา
10. โครงการส่งเสริมการลงทุนด้านผลิตภัณฑ์ยางภายในประเทศ/โครงการสนับสนุนผู้ประกอบผลิตภัณฑ์ยาง 11. โครงการจัดตั้งสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมยาง 12. โครงการควบคุมปริมาณการผลิต 13. โครงการผลิตเพื่อเสริมรายได้ในสวนยางตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 14. โครงการลดต้นทุนการผลิต 15.โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนการผลิตยาง และ 16. โครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ระยะสั้น สนับสนุนปัจจัยการผลิตแก่เกษตรกรไร่ละ 2,520 บาท
นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร( ธ.ก.ส.) กล่าวว่า สถานการณ์ยางพาราในปัจจุบัน ต้องใช้เวลาแก้ไข ซึ่งทาง ธ.ก.ส.ได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยเกษตรกรชาวสวนยาง แต่บางโครงการได้มีความล่าช้า เช่น โครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพารา วงเงิน 5,000 ล้านบาท เนื่องจากผู้มาขอกู้ไม่สามารถหาที่ดินเพื่อจัดตั้งโรงงานใหม่ได้ เพราะติดการขออนุญาตจากเจ้าของที่ดิน หรืออาจเป็นที่ของหน่วยงานราชการ ทำให้การปล่อยสินเชื่อติดขัดไปบ้าง
นอกจากนี้ยังพบว่ายางพาราในช่วงที่ผ่านมาเข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาตกต่ำ เป็นผลมาจากมีเกษตรกรชาวสวนยางส่วนใหญ่ขายยางพาราสด แทนที่จะนำมาแปรรูป เช่น ยางแผ่นรมควัน อัดก้อน อัดแท่ง ซึ่งจะได้ราคามากกว่ากันถึง 10 บาทต่อกิโลกรัม แต่ได้เงินช้ากว่า ทำให้ชาวสวนยางเลือกที่จะขายยางพาราสดที่ได้เงินเร็วกว่า
ส่วนปัญหาเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่นั้น นายมงคล พิพัฒสัตยานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้า และส่งออกไข่ไก่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกษตรกรผู้เลี้ยงไข่ไม่สามารถแบกรับภาระการขาดทุนได้จนต้องลดปริมาณการเลี้ยงไก่ไข่ หรือบางรายที่เป็นรายย่อยก็เลิกเลี้ยงเพราะที่ผ่านมามีปริมาณไข่ไก่ออกมาสู่ตลาดเป็นปริมาณมากเกินความต้องการของตลาดเนื่องจากมีพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ในประเทศจำนวนมากซึ่งเป็นผลจากการที่อนุญาตให้มีการนำเข้าแม่พันธุ์อย่างเสรีซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่นำเข้ามาจะเป็นผู้ประกอบรายใหญ่และได้นำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ผลผลิตไข่ไก่ออกมาสูงถึงวันละ 41-42 ล้านฟอง ราคาไข่คละหน้าฟาร์มตกต่ำเหลือเพียง 1.50-1.60 บาทต่อฟอง
อย่างไรก็ดีเชื่อว่า ในช่วงกลางเดือนเม.ย.ที่จะถึงนี้ มีแนวโน้มว่าราคาไข่ไก่จะปรับตัวสูงขึ้นจากเดิมค่อนข้างมาก เป็นผลจากการที่เกษตรกรทนแบกรับภาระขาดทุนมาไหวก็ต้องลดการผลิตลง หรือบางรายก็เลิกไปเลย ก็คาดว่าจะส่งชัดเจนหลังสงกรานต์โดยผลผลิตจะเหลือประมาณวันละ 37-38 ล้านฟองและเมื่อเปิดเทอมอาจมีความต้องการบริโภคไข่ไก่มากขึ้นและสภาพอากาศที่ร้อนทำให้แม่ไก่ออกไข่น้อยลงก็จะทำให้ราคาไข่คละหน้าฟาร์มสูงเป็น 3 บาทต่อฟอง และทางสมาคมฯ ซึ่งมีสมาชิกเป็นผู้ผลิตไข่กว่า 60% ของผลผลิตทั้งประเทศไม่ได้ต้องการให้ราคาไข่ไก่แพงขึ้นจนประชาชนได้รับความเดือดร้อน แต่ต้องการให้ราคาไข่ไก่มีเสถียรภาพมากกว่า
นายมงคล กล่าวอีกว่า ต้องการให้คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (เอ้ก บอร์ด) พิจารณาเพื่อเสนอ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในการยกเลิกการนำเข้าแม่พันธุ์ไก่ไข่อย่างเสรี หรือก่อนที่เอกชนจะนำเข้าต้องผ่านการอนุมัติจากเอ้ก บอร์ดก่อนไม่ใช่การนำเข้าอย่างเสรีเหมือนปัจจุบัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อบริษัทที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่และเมื่อผลผลิตออกมาก็ส่งผลไข่ไก่ล้นตลาดและส่งผลกระทบต่อเกษตรกรกลางและขนาดเล็ก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี