คลังมึนแก้ปัญหาหนี้เสียไอแบงก์ไม่คืบ
เรียกบอร์ดหารือเล็งงัดมาตรการด่วนจัดการ
รมช.คลังเรียก ประธานบอร์ดไอแบงก์คุยแก้หนี้ฟื้นฟูฐานะ หลังพบยอดหนี้ตกชั้นพุ่งไม่เลิก ล่าสุดดันหนี้เอ็นพีแอลพุ่งแตะ 5.7 หมื่นล้านบาท ชี้หากจะให้ไปรอดรัฐบาลต้องเติมทุนมากกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ในฐานะกำกับดูแลธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เปิดเผยว่าจะเชิญ นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานคณะกรรมการไอแบงก์มาหารือเพื่อหามาตรการเร่งด่วนในการฟื้นฟูฐานะธนาคาร เนื่องจากตอนนี้ธนาคารประสบปัญหาลูกหนี้ตกชั้นเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อย่างรวดเร็ว โดยยอดหนี้เอ็นพีแอลล่าสุดถึง 5.7 หมื่นล้านบาท มากกว่า 50% ของสินเชื่อคงค้าง
รมช.คลัง กล่าวว่า ที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์ พยายามเร่งแก้ไขใน 4 เรื่อง อันดับแรกการแก้ไขหนี้เสียของธนาคารให้ลดลง แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะต้องหารือกันว่าสาเหตุเกิดจากอะไรและจะปรับวิธีการใหม่อย่างไรเพื่อช่วยให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวลุล่วงโดยเร็ว
ในเรื่องที่สอง จะต้องเร่งลดรายจ่ายของธนาคาร เช่น การปิดสาขาที่ไม่จำเป็นและไม่คุ้มทุน เรื่องที่สาม คือ การเร่งหารายได้
เพิ่มให้กับธนาคาร ซึ่งก็ยังทำไม่ได้มาก และสุดท้ายเรื่องการพัฒนาระบบเทคโนโลยีของธนาคารเพื่อให้การดำเนินการต่อไปไม่มีปัญหาเหมือนที่ผ่านมา
“ตอนนี้คลังเป็นห่วงเรื่องหนี้ด้อยคุณภาพที่ตกชั้นเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นลูกหนี้รายใหญ่หากสามารถเร่งแก้ไขได้สำเร็จ ก็จะให้หนี้เสียลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน” นายวิสุทธิ์ กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าผู้บริหารคลังเป็นห่วงฐานะของไอแบงก์มาก ตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศเป็นเวลา 10 เดือน และให้ความสำคัญกับการแก้ไขฐานะของไอแบงก์มาโดยตลอด แต่ฐานะของไอแบงก์กับแย่ลงเรื่อยๆ ทำให้การประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ(คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ดที่จะมีขึ้นปลายเดือนเมษายนนี้ต้องมีการรายงานความคืบหน้าแผนฟื้นฟู และแนวทางที่จะดำเนินการต่อไป
“ตอนนี้คลังไม่รู้จะแก้ไขปัญหาฐานะของไอแบงก์อย่างไร เพราะหนี้เสียของระบบธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ประมาณ 2% แต่หนี้เสียของไอแบงก์มากกว่า 50% เป็นเรื่องที่อยู่ได้ยาก ซึ่งหากจะให้ไอแบงก์อยู่ได้ต่อไปรัฐบาลเองก็ต้องใส่เงินเพิ่มทุนอุ้มธนาคารมากกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท” แหล่งข่าวกล่าว
ส่วนการแก้ไขปัญหาธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์กลับมีความคืบหน้า โดย นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการเอสเอ็มอีแบงก์ เปิดเผยว่า การปล่อยสินเชื่อใหม่สามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง เฉพาะเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของ 2 เดือนแรก (มกราคม-กุมภาพันธ์ 2558) หรือมีการปล่อยสินเชื่อใหม่ไปประมาณ 4,000 ล้านบาท จากปกติสินเชื่อจะขยายตัวประมาณ 1,600-1,700 ล้านบาทต่อเดือน ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการเร่งปล่อยสินเชื่อซึ่งได้ร่วมมือกับพันธมิตรอย่างกระทรวงอุตสาหกรรม สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ที่ช่วยคัดกรองลูกค้าที่ดีมาให้ธนาคาร ขณะที่แผนฟื้นฟูกิจการของธนาคารยังคงเป็นไปตามที่ซูเปอร์บอร์ดกำหนดไว้ โดยสามารถลดหนี้เอ็นพีแอลได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ธนาคารยังเตรียมปล่อยสินเชื่อวงเงินรวม 1.5 หมื่นล้านบาท ตามมาตรการของ คสช. เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและแก้ไขปัญหาความยากจน ในอัตราดอกเบี้ย 7% ในส่วนนี้ได้ขอชดเชยจากกระทรวงการคลัง 3% ซึ่งได้รับหลักการแล้วและ
จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบอีกครั้งเพราะต้องพิจารณาในส่วนของเงินงบประมาณที่จะนำมาดำเนินการ คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะมีผลในเดือนเมษายนนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี