ไอแบงก์ อาการน่าเป็นห่วง หนี้เนาทะลัก 5.7 หมื่นล้านบาท ซ้ำคลังจะเจียดเงินเพิ่มทุนให้แค่ 2.5 พันล้านบาท ทั้งที่จริงต้องใช้มากว่า 1.5 หมื่นล้าน ซ้ำ คนร.ยังตีกรอบแผนการหั่นหนี้เสีย โดยห้ามขายลดราคา คนร.แบงก์ร้องจ๊าก จะไปหาพันธมิตรจากไหนมาร่วมทุน เมื่อสภาพเป็นแบบนี้
นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ภายหลังสงกรานต์ กระทรวงการคลังจะพิจารณาเพิ่มทุน 2,000 ล้านบาทให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ คาดจะรู้ผลภายในเดือน เม.ย.นี้ โดยจะประเมินจากผลการดำเนินงานและแผนฟื้นฟูกิจการตามมติคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ(คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ดที่สามารถเร่งปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ไม่มีการตกชั้นเพิ่ม
“ทางซูเปอร์บอร์ดจะติดตามความคืบหน้าเป็นระยะ ซึ่งจากประเมินเบื้องต้นถือว่าเอสเอ็มอีแบงก์อยู่ในระดับที่ดีใช้ได้ ก็จะพิจารณาเพิ่มทุนให้ ตามผลการดำเนินงาน ซึ่งหากผ่าน 100% ทางกระทรวงการคลังก็จะเพิ่มทุนให้เต็มจำนวน 2,000 ล้านบาท” นายกุลิศ กล่าว
นายกุลิศ กล่าวอีกว่า ส่วนธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ไอแบงก์) ทางกระทรวงการคลังก็จะพิจารณาเพิ่มทุนให้เช่นกัน โดยภายหลังสงกรานต์จะเข้าติดตามความคืบหน้าอีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ทางคณะอนุกรรมการกลั่นกรองแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ ของซูเปอร์บอร์ดที่มีพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ให้โจทย์กับธนาคารไว้ถึงเรื่องแนวทางบริหารจัดการหนี้เอ็นพีแอลที่ล่าสุดมีอยู่กว่า 5.7 หมื่นล้านบาท จะจัดการอย่างไร และหนี้ปกติที่มีอยู่ รวมถึงการดำเนินคดีกับผู้ทุจริตจะดำเนินการอย่างไร
นอกจากนี้จะติดตามการปล่อยสินเชื่อให้มุสลิมว่ามีแค่ไหน และการหาพันธมิตรของไอแบงก์ รวมทั้งการปิดสาขาที่ไม่จำเป็น ก่อนเสนอเข้าที่ประชุมซูเปอร์บอร์ดในครั้งหน้า เพื่อประเมินผลอย่างเป็นทางการ จากนั้นกระทรวงการคลังถึงจะพิจารณาเรื่องเพิ่มทุนจำนวน 2,500 ล้านบาทให้ไอแบงก์
“คณะกลั่นกรองของซูเปอร์บอร์ดเมื่อวันที่ 7 เม.ย. เข้าไปบอกโจทย์ไอแบงก์ และหลังสงกรานต์จะเข้าดูผลอีกที ซึ่งจะรอดูผลตัวเลขจากผู้บริหารชี้แจง ก่อนเข้าประชุม คนร.ครั้งหน้า ประเมินอย่างเป็นทางการ หากผ่านประเมินเป็นไปตามเกณฑ์ก็จะพิจารณาเรื่องเพิ่มทุนให้” นายกุลิศ กล่าว
ด้านแหล่งข่าวจากไอแบงก์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2558 ที่ผ่านมา ทางซูเปอร์บอร์ด โดยชุดคณะอนุกรรมการกลั่นกรองแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ ได้เน้น 4 เรื่องสำคัญไว้ คือ 1.กระทรวงการคลัง จะพิจารณาเพิ่มทุนฝ่ายเดียววงเงิน 2,500 ล้านบาท ส่วนผู้ถือหุ้นรายอื่นอย่างธนาคารออมสิน กับธนาคารกรุงไทย จะไม่มีการพิจารณาเพิ่มทุนให้ ดังนั้นทางคณะอนุกรรมการได้ขอให้ไอแบงก์ไปดำเนินการหาผู้ร่วมทุนเอง โดยการเพิ่มทุนจากกระทรวงการคลังจะพิจารณาจากผลการดำเนินงานตามเป้าหมาย
ส่วนเรื่องที่ 2.การขายหนี้ ห้ามมีการลดมูลหนี้ให้ลูกหนี้ หรือแฮร์คัท เพื่อไม่ให้เกิดส่วนสูญเสีย 3.ด้านผลการดำเนินงาน ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เป็นที่พอใจ เนื่องจากมีทิศทางที่แย่ลง มากกว่าที่จะมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งต่างจากเอสเอ็มอีแบงก์ และ 4.ให้ธนาคารจัดการบริหารหนี้เสีย อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ศึกษาแนวทางของ Good Bank และ Bad Bank เพื่อลดหนี้เสีย ไม่ใช่คิดแต่จะขายหนี้ในราคาถูกอย่างเดียว
“แบงก์ต้องใช้เงินเพิ่มมากกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในการตั้งสำรองหนี้เสียที่เกิดขึ้นและเพื่อเหลือพอที่จะให้ขยายสินเชื่อได้ แต่หากคลังเพิ่มทุนให้แค่ 2.5 พันล้านบาท ก็เป็นเรื่องลำบากสำหรับแบงก์แน่ๆ และเราจะไปหาผู้ร่วมทุนมาจากไหน ในเมื่อสภาพของแบงก์เป็นแบบนี้ คงไม่มีนักลงทุนคนไหนกล้าเสี่ยงแน่ๆ” แหล่งข่าวกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี