ระดมสมองภาคเอกชนวางแผนการตลาด-ดันยอด10กลุ่มสินค้า
รัฐพล่านแก้ส่งออกดิ่งเหว
รมว.พาณิชย์ นั่งหัวโต๊ะประชุมร่วมภาคเอกชน หวังพยุงตัวเลขส่งออกปี 2558 ให้โตได้มากว่า 1% เชิญ 10 กลุ่มสินค้า หารือวางมาตรการด้านการตลาดเชิงลึก พร้อมรับเป็นผู้ประสานกระทรวงอื่นลดอุปสรรค ตามที่ภาคเอกชนเสนอมา สอท.วอนบริหารค่าเงินเอื้อแข่งขัน สภาหอฯแนะจัดเวทีหารือต่อเนื่อง
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมเพื่อเร่งรัดการส่งออกร่วมกับภาคเอกชน อาทิ สภาหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมฯ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ(สภาผู้ส่งออก) ในวันที่ 21 เม.ย. 2558 ว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้หารือร่วมกับเอกชน เพื่อหารือถึงสถานการณ์การส่งออก ประเด็นปัญหาอุปสรรคที่มีต่อการส่งออก และวิธีการผลักดันการส่งออกของไทย ซึ่งในที่ประชุมเห็นชอบที่จะผลักดันการส่งออกให้ลงไปในรายละเอียด แต่ละกลุ่มสินค้ามากขึ้น ทั้งวิธีการรักษากลุ่มตลาดเดิม ในแต่ละกลุ่มได้อย่างไร จะสามารถขยายตลาดที่มีอยู่แล้วในแต่ละประเทศได้อย่างไร และไทยจะหาตลาดใหม่ในแต่ละรายสินค้าได้มากน้อยขนาดไหน ขณะที่ปัญหาต่างๆ ที่ภาคเอกชนเสนอมา เช่น ปัญหาอัตราแลกเปลี่ยน การอำนวยความสะดวกทางด้านศุลกากร และสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างๆ กระทรวงพาณิชย์จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แก้ไขปัญหาควบคู่กันไป
ทั้งนี้ในวันที่ 24 เม.ย. 2558 นี้ ทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะเชิญกลุ่มผู้ส่งออก 10 กลุ่ม เข้ามาหารือถึงแผนการผลักดันการส่งออกในแต่ละรายสินค้า การกำหนดแผนบุกตลาด โดยประกอบด้วย 1.กลุ่มอาหาร 2.กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า 3.กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน 4.กลุ่มสิ่งทอ 5.กลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ 6.กลุ่มวัสดุก่อสร้าง 7.กลุ่มสินค้ากลุ่มบริการและสุขภาพ เช่น สปา ร้านอาหาร 8.กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ 9.กลุ่มโลจิสติกส์ และ 10.กลุ่มตลาด CLMV
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเป้าหมายการส่งออกทั้งปี 2558 ของกระทรวงพาณิชย์ เบื้องต้นน่าจะมีการปรับลดลงจากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะขยายตัวได้ 4% ซึ่งตั้งไว้ตั้งแต่เดือนต.ค.2557 โดยในวันที่ 24 เม.ย. 2558 นี้ กระทรวงพาณิชย์จะมีการปรับคาดการณ์ตัวเลขการส่งออกทั้งปี 2558 และแม้ว่าภาคเอกชนจะมองว่าส่งออกจะขยายตัวได้ที่ 0% แต่การปรับลดตัวเลขการส่งออกครั้งนี้ กระทรวง ยังคาดว่าตัวเลขจะยังขยายตัวเป็นบวก และไม่น่าจะขยายตัวได้ต่ำกว่า 1% เพราะยังเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจคู่ค้าน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น และส่งผลให้การส่งออกกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์จะปูพรหมรักษาตลาดส่งออก ขยายตลาดใหม่ เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ควบคู่ไปด้วย
ด้าน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ทางสภาอุตฯ ได้เสนอให้กระทรวงพาณิชย์เพิ่มงบประมาณในโครงการเอสเอ็มอี โปรแอคทีฟ เพื่อช่วยสนับสนุนเอสเอ็มอีไทยได้มีโอกาสในการส่งออก หลังจากที่งบประมาณเดิมได้หมดลงและหยุดโครงการไปแล้ว อีกทั้งได้ขอให้มีการผลักดันโครงการโปรดักส์ ออฟ ไทยแลนด์ โดยสนับสนุนให้มีการติดโลโก้ที่ระบุว่าเป็นสินค้าจากประเทศไทย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้สินค้า รวมถึงให้มีการจัดงานแสดงสินค้าระดับอาเซียน ในปี 2559 เพื่อดึงดูดคนทั่วโลกมาชมและเลือกซื้อสินค้า และเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนที่ได้ฝากให้
ภาครัฐดูแลอย่างใกล้ชิด
“เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอาจไม่เกี่ยวกับกระทรวงพาณิชย์โดยตรง แต่ก็อยากให้กระทรวงช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเร่งแก้ไขปัญหาเงินบาทที่แข็งค่ากว่าประเทศคู่ค้า และคู่แข่ง เพราะตอนนี้ถือว่าเงินบาทไทยแข็งค่ามากที่สุดในโลก โดยติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ ที่เงินแข็งค่า ซึ่งการที่เงินของเราแข็งค่าส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน ทำให้การส่งออกมีปัญหา และยังส่งผลต่อการส่งออก”
นายกลินท์ สาระสิน รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาหอฯ ได้เสนอให้คณะกรรมการพัฒนาการส่งออก มีการประชุมต่อเนื่อง และได้เสนอให้กระทรวงพาณิชย์เร่งส่งเสริมการค้าชายแดน เร่งสนับสนุนให้มีศูนย์กระจายสินค้าไทยในประเทศต่างๆ เช่น อินเดีย ตะวันออกกลาง ผลักดันให้ไทยมีชื่ออยู่ในลิสต์ของยูเอ็น เพื่อสร้างโอกาสในการส่งออกสินค้าอาหาร การจัดงาน THAIFAX มากขึ้น และการพัฒนางานด้านบริการให้ดียิ่งขึ้น
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ ได้เสนอให้กระทรวงพาณิชย์เร่งผลักดันการส่งออก การค้าการลงทุน ในตลาดที่มีศักยภาพอย่างอินเดีย มากขึ้น เพราะตลาดอินเดียถือเป็นตลาดที่มีการขยายตัวดี รวมถึงให้มีการเร่งให้มีการทำ FTA ไทย-อินเดีย โดยเร็ว และให้มีการผลักดันการค้ากับประเทศในอาเซียนด้วย ขณะที่การส่งออกทั้งปี ประเมินว่าจะโตได้ที่ 0% หรือเป็นบวกเล็กน้อย ซึ่งเอกชนได้ประเมินตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยในไตรมาสที่ 1 น่าจะติดลบ 4-5% ส่วนไตรมาสที่ 2 จะทรงตัว และไตรมาส 3 และ 4 จะกลับมาดีขึ้น เพราะเศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัวได้ โดยจะขยายตัวได้ที่ไตรมาสละ 3%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี