นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร แถลงผลงานของกรมศุลกากรในรอบ 6 เดือน (ตุลาคม 2557-มีนาคม 2558) ว่า ได้ดำเนินการปรับปรุงการทำงานในหลายๆด้าน อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี การเร่งรัดแก้ไขกฎหมายต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการและสร้างความเป็นธรรมให้มากขึ้น
การพิจารณาปฏิรูปสิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากรให้เกิดความรัดกุมและประโยชน์กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมถึงการดำเนินการกับคดีสำคัญๆ ที่ยังคงค้างอยู่ให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับเรื่องการแก้
ปัญหาคอร์รัปชั่นและนำหลักธรรมาภิบาลมาบริหารราชการของกรมศุลกากรให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนของปีงบประมาณ 2558 จัดเก็บภาษีอากรรวมทุกประเภท จำนวน 256,595 ล้านบาท เป็นรายได้ศุลกากร มีสัดส่วน 23 %ของรายได้ทั้งหมด และอีก 77% เป็นรายได้จัดเก็บให้แก่หน่วยงานอื่นประกอบด้วยภาษีมูลค่าเพิ่ม 142,936 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว 8.28% ภาษีสรรพสามิต 36,395% ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว 3.76% และภาษีเพื่อมหาดไทย 18,277 ล้านบาท ต่ำช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว 8%
โดยจัดเก็บรายได้ศุลกากร จำนวน 58,987 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ (61,500 ล้านบาท) จำนวน 2,513 ล้านบาท หรือ 4% แต่ยังสูงกว่าช่วงเดียวกับปีที่แล้ว 0.28% กรมศุลกากรคาดว่าตลอดปีงบประมาณ 2558 จะสามารถจัดเก็บรายได้ประมาณ 117,825 ล้านบาทต่ำกว่าเป้าหมาย (122,400 ล้านบาท) 4,575 ล้านบาทหรือ 3.73%
สาเหตุการจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายมาจาก 2 สาเหตุ คือ สภาพเศรษฐกิจและการนำเข้าที่ไม่ดีเท่ากับที่ได้ประมาณการไว้เมื่อตอนจัดทำประมาณการรายได้ และส่วนสูญเสียจากการปรับโครงสร้างอัตราอากรขาเข้าตามประกาศกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 11 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2557 ส่งผลกระทบต่ออัตราภาษีศุลกากรลดลง ทำให้คาดว่าการจัดเก็บรายได้จะหายไปในปีงบประมาณ 2558 จำนวน 4,575 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามได้พยายามเพิ่มมาตรการในการจัดเก็บรายได้เพื่อชดเชยส่วนที่ขาดไป โดยได้ดำเนินการในเรื่องต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี อาทิ การเพิ่มมาตรการในการตรวจปล่อยสินค้าที่มีความเสี่ยงสูงต่อการหลีกเลี่ยงอากร การบริหารจัดการระบบงานคดี การจำหน่ายของกลาง/ของตกค้าง และการตรวจสอบการเสียภาษีอากรให้ผู้ประกอบการด้วยวิธีสมัครใจ เป็นต้น
นอกจากนี้กำลังศึกษาแก้ไขระเบียบกรมศุลกากรเพื่อกำหนดมูลค่าของติดตัวผู้โดยสารที่นำเข้ามาโดยไม่ต้องเสียภาษีจากเดิมกำหนดเพดานสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท โดยจะพิจารณาให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง สภาพเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ค่าเงินบาทในปัจจุบัน และจะศึกษาจากต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ที่กำหนดเพดานสินค้านำเข้าติดตัวไม่เสียภาษีสูงสุด 20,000 บาท ขณะที่บางประเทศสูงสุด 15,000 บาท คาดว่าจะศึกษาเสร็จภายใน 6 เดือนหลังจากนี้
นอกจากนี้ จะพิจารณาอนุญาตให้ผู้โดยสารสามารถชำระอากรปากระวางด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิต เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่ต้องชำระภาษีปากระวาง แต่มีเงินสดติดตัวไม่พอ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี