นายโยธิน ภมรมนตรี อดีตผู้บริหารการบินไทย และผู้ถือหุ้นรายย่อยการบินไทย เปิดเผยในที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 ว่า คณะกรรมการบริษัท การบินไทย ต้องชี้แจงกรณีบริษัท นกแอร์ ผู้ให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำ (Low-cost Airline) นกแอร์ในฐานะการบินไทยถือหุ้น 39% จับมือกับสายการบินสกู๊ต บริษัทลูกของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ในการตั้งสายการบินนกสกู๊ตในไทยและให้บริการเส้นทางเดียวกับบริษัท การบินไทย ซึ่งส่งผลให้การบินไทยมีคู่แข่งทางการตลาดเพิ่มขึ้น โดยจำเป็นต้องชี้แจงว่าทิศทางที่จะบริหารงานเป็นอย่างไร เพื่อที่จะไม่ให้ทับซ้อนซึ่งกันและกันแก่ผู้ถือหุ้น
ซึ่งในการอนุมัติให้จัดมีการตั้งสายการบินนกสกู๊ตใช้เงินลงทุนไม่เกิน 2,000 ล้านบาท โดยนกแอร์ได้ตั้งบริษัท นกมั่งคั่ง ถือหุ้นในนกสกู๊ต 47.5% และสายการบินสกู๊ตของสิงคโปร์ถือหุ้น 49% ส่วนอีก 3.5% ถือในนามบริษัท เพื่อนน้ำมิตร ที่จัดตั้งโดยกลุ่มผู้บริหารนกแอร์ และมีคณะกรรมการที่เป็นผู้บริหารของบริษัท การบินไทย ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งจะให้บริการในเส้นทางญี่ปุ่น เกาหลี โดยเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางที่การบินไทยให้บริการอยู่ จึงเหมือนเป็นเป็นการตั้งสายการบินขึ้นมาแข่งกับสายการบินแม่ และเป็นการระบายเครื่องบินเก่าของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ โดยใช้โบอิง 777-200 โดยนกสกู๊ตได้นำเครื่องบินดังกล่าวมาให้บริการ โดยที่กรมการบินพลเรือนมีกฏห้ามสายการบินนำเครื่องบินที่มีอายุการใช้งานเกิน 14 ปี เข้ามาใช้งานในประเทศ และเครื่องบินของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ที่นกสกู๊ตนำมาให้บริการมีอายุ 13.9 ปี
สำหรับแนวโน้มการจำหน่ายเครื่องบินของการบินไทย ที่ทยอยปลดระวาง โดยในปีนี้มีแผนขาย 42 ลำ ซึ่งเชื่อว่าไม่สามารถจำหน่ายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้โดยเฉพาะเครื่องบิน A340-600 จำนวน 4 ลำ เนื่องจากเป็นเครื่องบินที่มีเพียง 34 ลำในโลก และไม่มีสายการบินนิยมใช้เพราะเครื่องยนต์ไม่ตอบโจทย์ทางธุรกิจ รวมถึงทุกสายการบินได้ทยอยปลดระวางและจอดเครื่องทิ้งไว้เช่นเดียวกับการบินไทย หากขายได้เชื่อว่าต้องขาดทุนอย่างมหาศาล รวมถึงการที่การบินไทยมีพนักงานกว่า 25,000 คน แต่การดำเนินโครงการต่างๆ ในแต่ละโครงการได้มีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษามาดำเนินโครงการให้ ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายในส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การบินไทยขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในอุตสาหกรรมการบิน เมื่อมองเห็นโอกาสก็สามารถทำได้ โดยนกแอร์เลือกผู้ถือหุ้นที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และการบินไทยไม่ได้มองการเป็นคู่แข่งกับนกแอร์เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่ต่างกัน อย่างไรก็ตามปัจจุบันก็ยังไม่มีสายการบิน Low-cost ใดประสบความสำเร็จกับการให้บริการเส้นทางการบินระยะกลาง และระยาว จึงไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรง
ขณะที่นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีนกแอร์มีการจัดตั้งสายการบินนกสกู๊ต ซึ่งเป็นบริษัทลูกของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เพื่อมาเปิดบินเส้นทางญี่ปุ่น และเกาหลี ที่การบินไทยเปิดเส้นทางบินอยู่ว่า การบินไทย และนกแอร์ไม่ได้มองกลุ่มลูกค้าเพื่อแข่งขันในตลาดเดียวกัน ถึงแม้ว่านกแอร์จะมาขอร่วมทุนกับการบินไทยจัดตั้งสายการบินเส้นทางระยะไกลการบินไทยก็ไม่มีนโยบายที่จะเข้าไปร่วมจัดตั้ง
ในส่วนของความคืบหน้าแผนฟื้นฟูฯการบินไทยนั้น คาดว่าจะเห็นผลกำไรเด่นชัดในปี 2560 โดยเริ่มดำเนินการลดค่าใช้จ่ายยกเลิกเส้นทางบินไม่ทำกำไร ซึ่งการยกเลิกเส้นทางการบินในแต่ละแห่งได้วิเคราะห์ตลาดอย่างถี่ถ้วนและผ่านการหารือร่วมกับนายสถานีทั่วโลก ซึ่งเส้นทางที่ยกเลิก เช่น กรุงเทพ-มอสโคว มองว่าเป็นเส้นทางที่ไม่สามารถปรับตัวฟื้นตัวได้ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทการบินไทยจะไม่มีการจ่ายเงินปันผล เนื่องจากบริษัทมีผลประกอบการขาดทุนสะสมจากปีที่ผ่านมา 15,000 ล้านบาท ผลประกอบการปีนี้ปรับตัวดีขึ้นจากผลของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง รวมไปถึงแผนรุกการตลาดจนตัวเลขเคบิ้นแฟกเตอร์ในเดือน มี.ค.อยู่ที่ 76% และปัจจุบันอยู่ที่ 77%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี