ปัญหาเศรษฐกิจโลกพ่นพิษค้าข้ามชาติ ยอดเบี้ยวหนี้ส่งสัญญาณสูงขึ้นทั้งในเอเชีย อเมริกาเหนือ และยุโรป เอ็กซิมแบงก์ระบุไตรมาสแรกผู้ส่งออกประสบปัญหาคู่ค้าจ่ายเงินช้าเพิ่มขึ้นเท่าตัวด้านพาณิชย์เผย 3 เดือนแรกส่งออกติดลบ 4% คาดทั้งปีโตแค่ 1%
นายสุธนัย ประเสริฐสรรพ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศในปี2558 ว่ายังต้องจับตาเรื่องการชำระเงินล่าช้าและการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลจากปัญหาเศรษฐกิจในตลาดต่างๆ ทั่วโลกโดยเฉพาะปัญหาการชำระเงินล่าช้าพบว่าขณะนี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทั้งในเอเชีย อเมริกาเหนือ และยุโรป
โดยในไตรมาส1 ปี2558 ลูกค้าประกันการส่งออกของเอ็กซิมแบงก์ ประสบปัญหาผู้ซื้อชำระเงินล่าช้าเป็นจำนวนรายสูงขึ้นเท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและมีการยื่นขอรับค่าสินไหมทดแทน เนื่องจากไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 9 ราย มูลค่ารวม 13.93 ล้านบาท โดยมีสาเหตุจากผู้ซื้อล้มละลาย 7 ราย คิดเป็นมูลค่า 10.12 ล้านบาท และผู้ซื้อไม่ชำระเงินค่าสินค้า 2 ราย คิดเป็นมูลค่า 3.81 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผู้ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ รองลงมาได้แก่ ผักผลไม้สดและกระป๋อง
นายสุธนัย กล่าวว่า เอ็กซิมแบงก์ พร้อมให้บริการประกันการส่งออกแก่ผู้ส่งออกไทย เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้า อันเนื่องมาจากผู้ซื้อล้มละลาย ผู้ซื้อปฏิเสธการชำระเงิน ผู้ซื้อปฏิเสธการรับมอบสินค้า การควบคุมการโอนเงินและการห้ามนำเข้าสินค้าโดยรัฐบาลประเทศผู้ซื้อ สงคราม จลาจล และปฏิวัติ
นอกจากนี้ประกันการส่งออกยังช่วยให้ผู้ส่งออกไทยแข่งขันได้มากขึ้น เพราะสามารถให้เทอมการชำระเงินแก่ผู้ซื้อในต่างประเทศได้ผ่อนปรนขึ้นกว่าผู้ส่งออกรายอื่น ด้วยความมั่นใจว่าจะได้รับชำระเงินตามที่ตกลงกันไว้แน่นอน โดยผู้ส่งออกไทยสามารถติดต่อทำประกันการส่งออกได้หลายรูปแบบ รวมทั้งรับเงื่อนไขที่ผ่อนปรนขึ้นสำหรับผู้ส่งออกเอสเอ็มอี หรือบริการสินเชื่อพร้อมประกันการส่งออกที่เรียกว่าสินเชื่อเอสเอ็มอี ส่งออกสบายใจ ซึ่งให้วงเงินอนุมัติสูงสุดถึง 6 เท่าของหลักประกัน
“โอกาสทางการค้าเปิดกว้างมากขึ้นทั่วโลก แต่ก็มาพร้อมกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจของตลาดเหล่านั้นที่จะทำให้ผู้ส่งออกไทยมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับชำระเงินจากการค้าขายตามปกติ ผู้ส่งออกไทยจึงควรทำประกันการส่งออกทุกครั้งที่ส่งออก โดยให้ธนาคารเข้ามาทำหน้าที่รับความเสี่ยงดังกล่าว และเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ทุ่มเทเวลาและทรัพยากรที่มีอยู่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการที่มีของตลาด เป็นการทำให้ผู้ประกอบการไทยขยายธุรกิจได้อย่างมั่นใจ ทั้งการค้าขายกับผู้ซื้อรายเดิมและผู้ซื้อรายใหม่ในตลาดที่มีความต้องการซื้อสินค้าไทย” นายสุธนัย กล่าว
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์กล่าวว่าเบื้องต้นจากที่ได้รับรายงานตัวเลขส่งออกเดือนมีนาคมยังคงติดลบประมาณ4%กว่าๆ แต่ก็ถือว่าน้อยลงเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ที่ติดลบ 6.14% และเมื่อรวม 3เดือนแรกของปีหรือไตรมาสแรกส่งออกติดลบประมาณ 4% กว่าๆ เช่นกัน โดยในวันที่ 28 เมษายนนี้ปลัดกระทรวงพาณิชย์จะแถลงสถานการณ์ตัวเลขส่งออกเดือน มีนาคม 2558 อย่างเป็นทางการอีกครั้งพร้อมทั้งจะชี้แจงการปรับประมาณการณ์เป้าหมายส่งออกทั้งปีของกระทรวงพาณิชย์ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวได้ประมาณ 1%จากประมาณการณ์เดิมที่ 4%
นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนได้ร่วมมือกันทำโครงการพี่จูงน้องโดยหวังให้โครงการดังกล่าวช่วยผลักดันผู้ประกอบการรายย่อยหรือเอสเอ็มอีได้มีโอกาสเปิดตลาดในต่างประเทศ และยังหวังให้เป็นตัวช่วยเหลือให้การส่งออกไทยเข้มแข็งขึ้นอย่างยั่งยืนซึ่งจะมีเอสเอ็มอีมากกว่า 50 ราย ได้รับการคัดเลือกส่งสินค้าไปทดลองจัดจำหน่ายในตลาดเป้าหมาย ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2558 เป็นต้นไป โดยมีผู้ประกอบการรายใหญ่ อาทิเครือสหพัฒนพิบูล เครือเซ็นทรัล บริษัทไทยเบฟเวอเรจและบริษัทล็อกเลย์เป็นพี่เลี้ยงในการแนะนำเรื่องธุรกิจ และเริ่มดำเนินการ
พาผู้ประกอบการรายย่อยออกไปเปิดตลาดต่างประเทศต่อไป ซึ่งภายในสิ้นปี 2558 คาดว่าจะเห็นผลว่าประสบความสำเร็จมาก น้อยแค่ไหน
“โครงการจะช่วยแนะนำผู้ประกอบการรายย่อย ให้พัฒนาสินค้าและบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสม เพื่อเตรียมสินค้าให้พร้อมเพื่อการส่งออก ผ่านช่องทางของเครือข่ายของผู้ประกอบการรายใหญ่ในต่างประเทศ”
ส่วนเรื่องของ IUU หรือกฎระเบียบว่าด้วยการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ที่ไทยได้รับใบเหลืองจากสหภาพยุโรป และได้รับเวลา6 เดือนในการแก้ไขปัญหา นายกรัฐมนตรีได้ได้มอบหมายให้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบในการภาพรวม ส่วนกระทรวงพาณิชย์ ได้รับมอบหมายในการสร้างความเข้าใจ ชี้แจงต่อกลุ่มคู่ค้า ในยุโรป ซึ่งนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์จะรับผิดชอบในการนำข้อเท็จจริง และแนวทางการในการแก้ไขไปชี้แจง โดยจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี