30 เม.ย.58 นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจสถานภาพแรงงานไทยในปี 2558ว่า ขณะนี้ภาระหนี้ของครัวเรือนแรงงานไทยในปี 2558 อยู่ที่ 117,839.9 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.9% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้รายได้จากการทำงานล่วงเวลา(โอที) ลดลงหรือไม่มี ประกอบกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้แรงงานโดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน ใช้บริการเงินกู้ ทั้งในระบบ และนอกระบบมากขึ้น โดยวัตถุประสงค์ในการกู้เงินส่วนใหญ่ 31% นำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รองลงมา 19.8% ใช้คืนเงินกู้, 15.3% ค่าที่อยู่อาศัย, 14.7% ค่ายานพาหนะ, 5.9% ค่าลงทุน, 3.2% ค่ารักษาพยาบาล และอื่นๆอีก 0.4%
ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่าในปีนี้แรงงานไทยมีภาระหนี้สิน 94.1% และไม่มี 5.9% ซึ่งจากการสำรวจก็พบว่าสัดส่วนของหนี้นอกระบบปรับขึ้นอย่างมากจากปีก่อน เนื่องจากแรงงานส่วนหนึ่งไม่สามารถเข้าเงินกู้ในระบบได้ และบางกลุ่มมีวงเงินกู้ในระบบเต็มวงเงินแล้ว จึงต้องไปหาเงินกู้นอกระบบมาเป็นค่าใช้จ่ายแทน ขณะที่ผลสำรวจการชำระหนี้ของแรงงานไทยพบว่าแรงงานไทยมีปัญหาเรื่องของการชำระหนี้ถึง 81.8% ซึ่งเพิ่มจากปีก่อนเล็กน้อย โดยมีปัญหาไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ 2-3 เดือน เนื่องจากเงินหมุนไม่ทัน, รายได้ไม่แน่นอน,เงินไม่พอจ่าย และหนี้เพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่ก็สามารถที่จะนำเงินมาชำระหนี้ได้ เช่น การกู้เงินจากแหล่งอื่นทั้งหนี้นอกระบบ การยืมเพื่อน หรือญาติพี่น้องมาจ่ายหนี้เดิม เป็นต้น
อย่างไรก็ตามหอการค้าไทยเห็นว่ารัฐควรเร่งนโยบายนาโนไฟแนนซ์ให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด เพราะจะช่วยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงมาก รวมถึงต้องเร่งกระตุ้นการเบิกจ่ายของหน่วยงานต่างๆ และ การลงทุนตามจังหวัดต่างๆ ให้เกิดการจ้างงานคนในท้องถิ่น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ
สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ลงอีก 0.25% หรือจาก 1.75% เหลือ 1.5% มองว่าจะส่งผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและเรื่องของหนี้สินแรงงาน เพราะการลดอัตราดอกเบี้ยจะทำให้เงินบาทอ่อนค่า ส่งผลดีต่อการส่งออก และการท่องเที่ยว แต่ทั้งนี้ก็อยากให้รัฐบาลดูแลเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนให้ค่าเงินบาทอยู่ในระดับ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และก็คาดว่าในการประชุม กบง.รอบหน้า มีโอกาสที่จะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงอีก 0.25% หากว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น
นอกจากนี้ ในส่วนของผลสำรวจการใช้จ่ายในช่วงวันแรงงาน ปี 2558 คาดว่าจะมีจะมีมูลค่า 1,999 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 1.72% โดยประชาชนจะใช้จ่ายผ่านการท่องเที่ยว, การสังสรรค์, เที่ยวห้าง, ทำบุญ, ดูหนัง, กลับบ้านต่างจังหวัด, ไปสวนสนุก และไปสถานที่จัดงานวันแรงงาน
ขณะเดียวกันแรงงานส่วนใหญ่ยังมองว่าควรมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มอีกจากปัจจุบันอยู่ที่วันละ 300 บาท โดยให้เพิ่มเป็นเฉลี่ย 398 บาทต่อวัน และในอีก 3 ปีข้างหน้า ก็ควรปรับเพิ่มเป็น 491 บาทต่อวัน และ อีก 5 ปีข้างหน้าค่าจ้างขั้นต่ำควรปรับเพิ่มเป็น 561 บาต่อวัน เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพ อย่างไรก็ตามเมื่อมีการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำแล้วแรงงานส่วนใหญ่ ระบุว่าหากราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นกว่าปัจจุบันไม่สามารถรับได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี