นายกฯวอนทุกฝ่าย
ร่วมยกระดับข้าวไทย
ชี้โครงสร้างการผลิต
ต้องปรับปรุงทั้งระบบ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “Thailand Rice Convention 2015” เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มั่นใจสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพผู้นำการส่งออกข้าวคุณภาพดีให้คู่ค้าจากทั่วโลกและกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ยุทธศาสตร์ด้านการตลาดข้าวและนโยบายการค้าข้าวของไทย” โดยย้ำการที่จะทำให้ข้าวไทยเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกจะต้องปรับโครงสร้างข้าวไทยทั้งระบบ คงไม่ดีใจแม้ปีที่ผ่านมาไทยจะส่งออกข้าวสูงกว่า 10.97 ล้านตัน หรือมูลค่ากว่า 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะหากข้าวไทยในอนาคตไม่มีคุณภาพจะทำให้แข่งขันลำบาก ซึ่งขณะนี้ หลายประเทศเริ่มปลูกข้าวและมีคุณภาพ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ห่วงโซ่การเพาะปลูกข้าวไทยจะต้องปรับไปในทิศทางเดียวกันตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะปลูก การตลาดการสร้างมูลค่าเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าข้าวไทยจะดังไปทั่วโลกได้ขึ้นอยู่กับการร่วมมือของคนในชาติและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งขณะนี้กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าเมียนมา ลาว ก็ปลูกข้าว และให้ความสนใจเรื่องคุณภาพข้าวค่อนข้างมาก ไทยจึงต้องร่วมมือค้าข้าวกับประเทศเพื่อนบ้านในการยกระดับราคาข้าวของไทยและประเทศเพื่อนบ้านไปในทิศทางเดียวกันแม้จะมีการแข่งขัน เพราะหากยกระดับได้ก็จะทำให้ข้าวไทยและข้าวประเทศเพื่อนบ้านเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก
“รัฐบาลต้องดูแลว่าจะทำอย่างไรที่จะให้ชาวนากว่า 4 ล้านครัวเรือน สามารถเพาะปลูกข้าวมีรายได้ที่จะเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ หากเกษตรกรไทยกว่า 4 ล้านครัวเรือน ผันตัวเองไปทำอุตสาหกรรมหรือด้านบริการจะทำให้เกษตรกรเพาะปลูกข้าวหายไปจากระบบ ทำให้อนาคตประเทศไทยจะไม่มีลูกหลานสืบทอดวิถีไทยเพาะปลูกข้าว โดยรัฐบาลได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดตั้งคณะทำงานภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและแก้ไขในห่วงโซ่การเพาะปลูกข้าวให้เป็นที่ยอมรับและถึงเวลาที่จะต้องปรับปรุงโครงสร้างข้าวทั้งระบบทั้งการผลิตจนถึงการเพาะปลูกและการทำตลาด ซึ่งจะต้องไม่ทำให้กลไกตลาดข้าวบิดเบือน และควรให้ระบบค้าข้าวไทยเป็นไปตามกลไกตลาด พร้อมทั้งจะต้องจัดระบบการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลสั่งการไปแล้วว่าจะทำอย่างไรในพื้นที่ใดที่เกิดปัญหาภัยแล้งหรือพื้นที่ใดเกิดปัญหาน้ำท่วม เพื่อให้พื้นที่ต่างๆ
สามารถรองรับการเพาะปลูกข้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นว่าปัจจุบันเกิดผลกระทบด้านต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะปัญหาภัยธรรมชาติ จึงจำเป็นที่เกษตรกรจะต้องเชื่อฟังคำชี้แนะของส่วนราชการ พร้อมทั้งหน่วยงานที่กำกับดูแลจะต้องวางกรอบบริหารงาน การจัดการ เพื่อรองรับปัญหาจากภัยธรรมชาติ และมองว่าในอีก 20 ปีข้างหน้าประชากรโลกจะเพิ่มขึ้น หากไทยยังไม่ปรับตัว ซึ่งไทยเป็นประเทศเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ จึงต้องมีการปรับไปในทิศทางเศรษฐกิจโลก ดังนั้น การแก้ไขปัญหาปรับโครงสร้างข้าวทั้งระบบ ไม่ใช่จะแก้ปัญหาได้ให้เสร็จภายใน 1-2 ปี แต่การปรับโครงสร้างเป็นห่วงโซ่จำเป็นต้องแบ่งการปรับเป็นระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว เพื่อให้ไทยสามารถเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าการบริโภคไปสู่ตลาด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี