เรามองว่าในขณะนี้ CPALL เป็นหุ้นที่น่าสนใจที่สุดในกลุ่มค้าปลีก แม้ว่าการบริโภคที่ชะลอตัวจะกดดันยอดขายสาขาเดิมให้เติบโตเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในปีนี้ แต่เราคาดว่า CPALL จะรายงานการเติบโตกำไรที่แข็งแกร่งที่ 39% ในปี 2558 เนื่องจากการลดลงของ1.) ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการ MAKRO 2.) ต้นทุนค่าขนส่ง และ 3.) ภาระดอกเบี้ยจ่าย นอกจากนี้ ยังมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรของเราถ้าหาก CPALL ขายหุ้น MAKRO ในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 ดังนั้น ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหลังจากที่บริษัททำกำไรไตรมาส 1/58 ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่เรามองว่ามูลค่าซื้อขาย (PER ระยะยาวต่ำกว่า 0.3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ยังคงน่าสนใจ
CPALL ได้ทำการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ MAKRO กับทางก.ล.ต.แล้วเมื่อวานนี้ แต่ยังไม่ระบุ
จำนวนหุ้นที่เสนอขาย, ราคา และวันที่จะทำการซื้อขาย โดยผู้บริหารได้กล่าวในที่ประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ว่าราคาขายจะไม่ต่ำกว่าต้นทุนรวมของ CPALL (ราคาเข้าซื้อและต้นทุนการถือครอง) และจำนวนหุ้นที่เสนอขายก็จะมากพอที่จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย (free float) ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่ทางกลต.กำหนดไว้ที่ 15%
ในมุมมองของเรา เราเชื่อว่า CPALL จะขายหุ้น MAKRO บางส่วนในเดือนส.ค.นี้ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1.) เพื่อให้สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ : ปัจจุบัน CPALL มีหนี้ระยะยาวที่สามารถจ่ายชำระคืนก่อนกำหนดได้โดยไม่เสียค่าปรับอยู่ราว 23 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม หาก CPALL ขายหุ้น MAKRO เท่ากับจำนวนเงินดังกล่าว ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ MAKRO ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่ทาง กลต. กำหนดไว้ที่ 15% อ้างอิงจากราคาขายที่ 42.6 บาท ซึ่งต้นทุนรวมของ CPALL ในปัจจุบัน ดังนั้น บริษัทอาจต้องรอจนถึงเดือนส.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทสามารถเรียกไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดได้ประมาณ 16 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถขาย MAKRO เพิ่มขึ้นเป็น 39 พันล้านบาท และเมื่อถึงเวลานั้น ต้นทุนรวมของ CPALL จะสูงขึ้นเป็น 43.1 บาท ดังนั้น ถ้าหาก CPALL ขายหุ้น MAKRO ที่ราคา 43.1 บาทต่อหุ้นเพื่อนำเงินมาชำระหนี้จำนวน 39 พันล้านบาทในเดือนส.ค. สัดส่วนการถือหุ้นใน MAKRO จะลดลงเหลือ 79% หนุนสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ MAKRO เป็น 21%
2.) ช่วงเวลาที่เหมาะสม: MAKRO อาจดูแพงเกินไปถ้าหากทำการขายในราคา 42-43 บาทต่อหุ้นในขณะนี้ เนื่องจาก PER ปี 2558 ของบริษัทยังคงยืนอยู่ที่ 34.5-35.3 เท่าที่ราคาดังกล่าว ทั้งนี้ เราเชื่อว่าตลาดอาจเริ่มซื้อขาย MAKRO ที่ราคาอ้างอิงจากกำไรปี 2559 ในเดือนส.ค.-ก.ย. โดยที่ราคา 43.1 บาท จะเทียบเท่ากับ PER ปี 2559 ที่ 28.8 เท่า ซึ่งดูเป็นราคาที่สมเหตุสมผลมากกว่าและมีแนวโน้มที่จะเป็นที่ยอมรับของนักลงทุน
เราตั้งสมมุติฐานให้ CPALL ขายหุ้น MAKRO จำนวน 905 ล้านหุ้น ในราคา 43.1 บาทต่อหุ้น เพื่อนำเงินไปจ่ายคืนหนี้
ที่จำนวน 39 พันล้านบาท ในเดือนส.ค. จะส่งผลให้ CPALL บันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์สุทธิที่ 2.9 พันล้านบาท ในปี 2558 ในขณะที่ภาระดอกเบี้ยลดลง 735 ล้านบาทในปี 2558 และ 2.2 พันล้านบาทในปี 2559 โดยในระยะสั้นนี้ภาระดอกเบี้ยที่ลดลงจะยังคงมากกว่ากระทบจากการถือหุ้น MAKRO ที่ลดลง ดังนั้น ในกรณีนี้จะส่งผลให้มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้น 23% ในปี 2558 และ 5% ในปี 2559
คำแนะนำพื้นฐาน : ซื้อ เป้าหมายพื้นฐาน : 54.00 บาท
ที่มา : บล.บัวหลวง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี