รมว.คลัง เตรียมเสนอรัฐบาลออกกฎหมายพิเศษ ล้างหนี้จำนำข้าว ภายใน 2 เดือน แย้มแผนขายหุ้นใช้หนี้ประเทศ 7.2 แสนล้าน โดยเป็นหุ้นที่ กระทรวงถืออยู่ แต่ไม่ได้เกิดประโยชน์ และผลดีในแง่ของการบริหาร ด้านสศค.เปิดรายได้ 7 เดือน พบสูงขึ้น 4.7%
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า เตรียมเสนอร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลัง บริหารหนี้จากการขาดทุน โครงการรับจำนำข้าวในอดีต รวมทั้ง เงินชดเชยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และกองทุนประกันสังคม รวมเป็นเงิน 7.26 แสนล้านบาท โดยจะเสนอให้รัฐบาลเห็นชอบภายใน 2 เดือนนี้
โดยจำนวนหนี้ในก้อนดังกล่าว จะแยกเป็นผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวจำนวน 5.139 แสนล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 1
แสนล้านบาท จะเป็นการชดเชยผลขาดทุนให้ ร.ฟ.ท. กับ ขสมก. และเงินสมทบจ่ายกองทุนประกันสังคม
นายสมหมายกล่าวว่า ในกฎหมายพิเศษนี้จะให้อำนาจกระทรวงการคลัง ขายหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ เพื่อนำมาชำระหนี้ในก้อนดังกล่าว ให้ลดลงเร็วขึ้น โดยจะเป็นหุ้นของเอกชนที่กระทรวงการคลังถืออยู่ แต่ไม่ได้เกิดประโยชน์ และผลดีในแง่ของการบริหาร ก็จะมีการพิจารณาขายออกไปคิดเป็นวงเงินไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท
“การขายหุ้นต้องระบุไว้ในกฎหมายชัดเจน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส รัฐบาลนี้ถึงแม้ว่าไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ก็ตั้งใจที่จะแก้ปัญหาให้โปร่งใส เพื่อในอนาคตที่รัฐบาลจากการเลือกตั้ง หากไม่ระบุไว้ในกฎหมายไว้อย่างชัดเจน ก็จะมีปัญหาว่า ทำถูกต้องหรือไม่” นายสมหมาย กล่าว
ในกฎหมายพิเศษนี้ยังต้องกำหนดให้ชำระภายใน 20 ปี ซึ่งไม่ได้เป็นการออกพันธบัตรอายุ 20 ปีทั้งหมด แต่จะออกเป็นพันธบัตรให้สอดคล้องกับการชำระหนี้ให้เป็นระบบ โดยจะออกเป็นพันธบัตรอายุ 3 ปี 5 ปี 7 ปี 10 ปี 12 ปี และ 20 ปี ซึ่งจะช่วยทยอยการชำระหนี้ในแต่ละปีออกไป ไม่ให้เป็นภาระกับงบประมาณมากเกินไป
ทั้งนี้ หนี้ที่ต้องชำระจำนวน 7.2 แสนล้าน หากไม่มีการออกกฎหมายพิเศษ คิดต้นเงินกู้ที่ 3.5% ต่อปี จะต้องใช้หนี้เฉลี่ยตามสัญญาที่ทำอยู่ปัจจุบันปีละ 6.4 หมื่นล้านบาท เมื่อไปรวมกับหนี้เดิมที่ต้องชำระปกติ เช่น ในปีงบประมาณ 2559 ต้องตั้งชำระหนี้เงินต้น 6.1 หมื่นล้านบาท จะทำให้เป็นภาระงบประมาณกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งงบประมาณไม่สามารถรองรับได้ ถึงแม้ว่าจะมีการปรับปรุงการเก็บภาษีก็ยังไม่เพียงพอ ทำให้กระทรวงการคลังต้องออกกฎหมายพิเศษมาบริหารหนี้ 7.2 แสนล้านบาท และให้อำนาจขายหุ้นที่ไม่จำเป็นหาเงินเพิ่มเติมมาใช้หนี้
ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผูอํานวยการสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงขาวฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 7 เดือนแรก ของปีงบประมาณ2558 (ตุลาคม 2557-เมษายน 2558) วา รัฐบาลมีรายไดนําสงคลังทั้งสิ้น 1,119,940 ล้านบาท สูงกว่าชวงเดียวกันปที่แลว 50,235 ล้านบาท หรือรอยละ 4.7 โดยสาเหตุมาจากรายได้ภาษีน้ำมันและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และมีการนำส่งรายได้จากการประมูลให้ใช้คลื่นความถี่ 3G ความถี่ 2.1 GHz
ในขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณมีจํานวนทั้งสิ้น 1,653,207 ล้านบาท สูงกว่าชวงเดียวกันปีที่แล้ว 73,279 ลานบาท หรือรอยละ 4.6 ทําใหดุลเงินงบประมาณขาดดุล 533,267 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล 5,710 ล้านบาท ส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวม 527,557 ลานบาท โดยรัฐบาลไดกูเงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 157,362 ล้านบาท ทําใหดุลเงินสดหลังกูขาดดุลทั้งสิ้น 370,195 ล้านบาท และเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2558 มีจํานวนทั้งสิ้น 125,552 ลานบาท
“การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในช่วง 7 เดือนแรกกว่า 1.6 ล้านล้านบาท ถือเป็นกลไกสำคัญใการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ คาดว่าการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง” นายกฤษฎา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี