สมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต
หนึ่งในภารกิจหลักของรัฐบาลชุดนี้เน้นที่การแก้ปัญหาสังคมและลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ด้วยวิธีการหลายรูปแบบ หน่วยงานของรัฐนอกจากหน่วยงานด้านการปกครองและกฎหมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจก็ต้องเป็นหนึ่งในเครื่องมือของรัฐสำหรับนโยบายทางสังคมด้วย
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวกับ “มุมมองนักบริหารว่า” กระทรวงการคลังนอกจากดูแลเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ก็ต้องช่วยรัฐบาลแก้ไขปัญหาทางสังคมด้วย โดยใช้เครื่องมือทางภาษีในรูปแบบต่างๆ กรมสรรพสามิตเองก็เช่นกัน นอกจากต้องเก็บภาษีให้ได้ตามเป้าหมายรายได้ของรัฐบาลแล้ว ก็ต้องใช้ภาษีสรรพสามิตเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาสังคมด้วย โดยเฉพาะภาษีสุรา และยาสูบ โดยผลการปราบปรามผู้กระทำความผิดกฎหมายสรรพสามิตในรอบ 8 เดือนปีงบประมาณ 2558 (ต.ค.2557-พ.ค.2558) ทั้งสุรา ยาสูบ ภาษีฯ 27 ไพ่
รวม 3.39 หมื่นคดี ค่าปรับจำนวน 307 ล้านบาท เงินนำส่งคลัง 130 ล้านบาท ขณะที่ผลการปราบปรามบารากู่ จับได้ 930 ราย ค่าปรับ 22 ล้านบาท ของกลาง1.1 ล้านกรัม และสุรายาดอง 9,050 ราย ค่าปรับ 36 ล้านบาท ของกลาง 1.06 ล้านกรัม
ส่วนกรณีล่าสุดปัญหาร้านขายสุราที่อยู่ใกล้สถานศึกษานั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สั่งการให้กรมสรรพสามิต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบการประกอบกิจการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายและบังคับใช้กฎหมายแก่
ผู้ฝ่าฝืนอย่างเข้มงวด รวมถึงการพิจารณากำหนดมาตรการเพื่อห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณใกล้สถานศึกษา ตลอดจนการขายเหล้าปั่น โดยไม่ได้จดทะเบียนการค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และขายเหล้าปั่นให้แก่นักเรียน นักศึกษาในแหล่งที่ใกล้สถานศึกษาหรือบนบาทวิถีซึ่งมีอยู่อย่างแพร่หลายในตอนนี้
ดังนั้นกรมสรรพสามิตจะต้องเข้าไปตรวจสอบร้านขายสุราที่อาจเข้าข่ายการกระทำผิดตามมติคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เห็นชอบให้ออกประกาศห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใกล้สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษาในระยะ 300 เมตร ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้ประสานกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ทำการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต โดยได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจจากสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศ ในการลงพื้นที่ตรวจสอบร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วประเทศ ซึ่งจากการสำรวจร้านขายสุรารอบสถานศึกษาทั่วประเทศ พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 1,960 ร้าน และจำนวนสถานศึกษาที่สุ่มเสี่ยงต่อการใช้บริการของนิสิต นักศึกษา และเยาวชน จำนวน 327 ร้าน
“กรมสรรพสามิตได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานสรรพสามิตภาคและสรรพสามิตพื้นที่ดำเนินการออกตรวจร้านขายสุราบริเวณรอบสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตขายสุรา เข้มงวดและใช้ความรอบคอบในการ ออกใบอนุญาตขายสุราให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายที่กำหนดไว้ กรมสรรพสามิตจะเพิกถอนใบอนุญาตทันที”
นายสมชายกล่าวอีกว่า กรมสรรพสามิตได้เสนอแก้ไขกฎหมายเพิ่มโทษปรับให้รุนแรงมากขึ้น กรณีพบร้านที่ไม่มีใบอนุญาตดำเนินการเปิดขายสุรา เพื่อให้ผู้ประกอบการไม่กล้าเสี่ยงเพราะไม่คุ้มที่จะกระทำผิดเมื่อเทียบกับค่าปรับ ซึ่งการแก้กฎหมายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขกฎหมายสรรพสามิตครั้งใหญ่ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว และเมื่อการพิจารณาของกฎหมายถึงชั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็ต้องผ่านความเห็นชอบของสภา หากต้องการเพิ่มโทษให้รุนแรงถึงขั้นมีโทษจำคุกด้วย ก็สามารถทำได้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเข้มข้นมากขึ้น
“ก่อนหน้านี้ หากพบร้านที่ไม่มีใบอนุญาตก็ให้ดำเนินการปรับตามกฎหมาย ซึ่งหากขายสุราไทยไม่ได้รับอนุญาตให้ปรับ 500 บาท หากเป็นสุราต่างประเทศปรับ 2,000 บาท ซึ่งเป็นโทษที่เบาเกินไปทำให้ผู้ประกอบการไม่กลัวที่จะถูกปรับ ทำให้ผู้ประกอบการที่ถูกยึดใบอนุญาตยังคงเปิดร้านขายสุราและยอมเสียค่าปรับหากถูกตรวจปรับ”
นายสมชายกล่าวในตอนท้ายว่า...การแก้ปัญหาเรื่องร้านเหล้าใกล้สถานศึกษานั้น แม้ว่ากรมสรรพสามิตจะได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่พิจารณาออกใบอนุญาตขายสุราให้รอบคอบมากขึ้น โดยเฉพาะร้านที่อยู่บริเวณสถานศึกษาก็ไม่ควรออกใบอนุญาตให้อีกต่อไป และรวมถึงได้ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้กฎหมายของการเปิดสถานบริการที่ไม่มีการอนุญาตขายสุราเอาผิดผู้ประกอบการอีกทางหนึ่งด้วยนั้น แต่อย่างไรก็ตาม กฎหมายของกรมสรรพสามิต และตำรวจ เอาผิดแต่ผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ไม่สามารถเอาผิดผู้เข้าไปดื่มได้ จึงเห็นว่ามหาวิทยาลัยและผู้ปกครองของนักศึกษา ต้องมีบทบาทให้นักศึกษาห่างไกลจากการดื่มสุราในวัยที่ยังไม่สมควรอีกทางหนึ่ง เพื่อให้แก้ไขปัญหานี้ครบวงจรมากขึ้น
ทีมข่าวเศรษฐกิจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี