เกษตรกรชะลอถอย‘ป้ายแดง’
ฉุดยอดผลิตรถยนต์ปี’58เหลือ2ล้านคัน
กระทรวงอุตสาหกรรม คาดยอดผลิตรถยนต์ปีนี้ลดลง หลังราคาพืชผลการเกษตรทั้งข้าว ยางพาราตกต่ำ แถมเจอภัยแล้ง ขณะที่บางค่ายกำลังเปลี่ยนรถกระบะรุ่นใหม่ ด้านการส่งออกไปตะวันออกกลาง พบกำลังซื้อลดตามน้ำมันร่วง ฝันปี’63 ตลาดจะมีมูลค่าเพิ่มจาก 30% เป็น 50% พร้อมดึงต่างชาติเข้ามาผลิตชิ้นส่วนฯที่มีมูลค่าสูง
นายสมชาย หาญหิรัญ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยว่า
ยอดขายรถยนต์ในปีนี้ คาดว่า จะลดลงจากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ 2.1 ล้านคัน เหลือ 2 ล้านคัน เนื่องจากตลาดภายในประเทศลดลงมาก มีสาเหตุหลักมาจากราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ และภัยแล้ง ทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลง รวมทั้งยังมีผลมาจากค่ายรถยนต์ขนาดใหญ่เปลี่ยนรุ่นรถกระบะ ทำให้ยอดซื้อในส่วนนี้ชะลอตัวลง และทำให้ยอดขายรถกระบะลดลง ซึ่งจะต้องจับตาหลังจากเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่แล้วจะช่วยกระตุ้นยอดซื้อภายในประเทศได้มากน้อยแค่ไหน
ขณะที่ตลาดส่งออกในรอบ 5 เดือน ยังขยายตัว 9% โดยตลาดหลักๆ เช่น ตลาดเอเชีย โต 7% ตลาดโอเชียเนีย
โต 39% ส่วนตลาดตะวันออกกลางที่เป้าตลาดสำคัฐกลับมียอดส่งออกลดลง 24% เนื่องจากราคาน้ำมันตกต่ำ และความไม่สงบทางการเมือง โดยทั้งสามตลาดนี้จะมีสัดส่วนกว่า 60% ของยอดขายทั่วโลก ส่วนตลาดอียูยังคงขยายตัวได้ดี 26% ตลาดแอฟริกาใต้ลดลง 29% เป็นต้น
นายสมชายกล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการสถาบันยานยนต์ล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้ ได้สรุปแผนการดำเนินงาน
ของสถาบันยานยนต์ ปีงบประมาณ ปี 2558-2564 โดยจะกำหนดยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมยานยนต์ออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.ด้านทิศทาง จะต้องศึกษาทิศทางในส่วนต่างๆของโลกในภาพกว้าง กำหนดภาพของอุตสาหกรรมแล้ววางแผน และกำหนดทิศทางที่จะไปในแต่ละเรื่องให้ชัดเจน 2.การดูแลหลังการลงทุน ควรหาแนวทาง หรือวิธีการดูแลนักลงทุนในด้านต่างๆ เช่น ด้านกฎหมาย เป็นต้นโดยต้องให้สถาบันเปรียบเหมือนสมองของอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่สามารถตอบคำถามให้ความรู้กับทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ รวมทั้งการให้บริการด้านการตรวจสอบ รับรองมาตรฐาน และเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือ สนับสนุนให้ภาคเอกชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้านนโยบายจากภาครัฐ เนื่องจากเป็นเรื่องที่สำคัญและต้องรับทราบเพื่อเตรียมการรองรับ
สำหรับเป้าหมายในแผนการดำเนินงานฉบับนี้ จะต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจาก 3% เป็น 8% และสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมยานยนต์จากปัจจุบันอยู่ที่ 30% เป็น 50% ให้ได้ภายในปีพ.ศ. 2563 (2020) รวมถึงการพัฒนาเพื่อมุ่งสู่ภาพใหญ่ในการเป็นฐานการผลิตเทคโนโลยี “Technology Base Production” ในอนาคต
“แม้ว่าจะยกระดับให้รถยนต์ที่ผลิตจากประเทศไทยให้ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 60-70% โดยในส่วนของรถปิกอัพใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศเกือบ 100% แต่ทั้งนี้ยังจำเป็นต้องนำเข้าบางชิ้นส่วนที่มีเทคโนโลยีซับซ้อน มีมูลค่าสูงมากเข้ามาประกอบรถยนต์ ซึ่งหากผลักดันให้ผลิตชิ้นส่วนเหล่านี้ในประเทศได้ ก็จะสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกมาก” นายสมชาย กล่าว
ทั้งนี้ที่ผ่านมาค่ายรถยนต์หลายค่ายได้ทยอยย้ายฐานการวิจัย และพัฒนามายังประเทศไทย ก็จะช่วยให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีมายังบุคลากรชาวไทย
นายสมชายกล่าวว่า ในการผลักดันให้เป็นไปตามเป้าหมายนั้น ต้องพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วน การจัดตั้งศูนย์ทดสอบรถยนต์ การพัฒนาบุคลากรภายในสถาบันเพื่อสร้างบุคลากรเข้ามาดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะในกลุ่มงานสำคัญ เช่น งานวิจัยเชิงนโยบาย และเชิงวิศวกรรม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี