2 ก.ค.58 นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว หรือ นบข. ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานวานนี้ (1ก.ค.) มีมติให้นำข้าวในสต็อกของรัฐบาล จำนวน 5.89 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวเกรดซี 4.6 ล้านตัน และเป็นข้าวเสียจำนวน 1.29 ล้านตัน โดยในส่วนของข้าวเกรดซี ให้นำมาผลิตเป็นเอทานอล ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่า จะใช้ข้าวในส่วนนี้ประมาณ 1-1.3 ล้านตัน โดยขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างรอการตรวจสอบข้าวที่เป็นของกลางในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวจากคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตข้าวแล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถนำข้าวออกมาดำเนินการตามมติที่ประชุม นบข.ได้ และถ้าหากสามารถปลดล็อคกฎหมายได้เร็ว กระทรวงพลังงานก็พร้อมที่จะดำเนินการได้ทันทีภายใน 4 เดือนนี้ ก่อนที่ผลผลิตมันสำปะหลังจะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะช่วยให้ราคาข้าวปรับตัวสูงได้ โดยล่าสุด มีโรงงานเอทานอลจำนวน 7 แห่ง ได้แสดงความสนใจเข้าร่วมประมูลข้าวกับกระทรวงพาณิชย์แล้ว
ส่วนข้าวเสียที่มีจำนวน 1.29 ล้านตันนั้น มีแนวคิดจะนำไปเป็นเชื้อเพลิงในภาคอุตสาหกรรม อาทิ การผลิตเป็นถ่านสมัยใหม่ หรือ ไบโอชาร์ เพื่อนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนถ่านหิน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเมื่อวานนี้ ยังมีมติอนุมัติงบรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 เพิ่มเติม 4,932 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้หน่วยงานราชการนำไปดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนโดยการเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟแอลอีดี 1 ล้านหลอด และยังได้จัดสรรเงินกองทุนฯอีก 2,500 ล้านบาทเพื่อส่งเสริมการใช้เครื่องปรับอากาศเป็นระบบอินเวอร์เตอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานให้มากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี