7 ก.ค.58 นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ กรรมการผู้จัดการบริษัทไทย แอพพลายแอนซ์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)หรือ 'ไทยโก้' เปิดเผยว่า บมจ.ไทยโก้เกิดจากการรวมตัวของสมาชิกในกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ลงนามความร่วมมือกับ บริษัท Pacific Star(China Holding ) Pte Ltd และ Partners รวมถึง Asiatic Group (Holding ) Ltd. จัดตั้งบริษัท ไทยโก้ เอนเนอร์จี จำกัดเพื่อดำเนินโครงการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพี่อหน่วยราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรโดย ไทยโก้ จะถือหุ้นในสัดส่วน 60%และบริษัทร่วมทุนจากจีนจะถือหุ้นในสัดส่วน 40% โดย บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะก่อสร้างโรงผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์จำนวน 10แห่ง มีขนาดกำลังผลิตติดตั้งไม่เกิน 5 เมกะวัตต์ ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนแห่งละประมาณ 300 ล้านบาท รวมเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าฯ ทั้งโครงการขนาดประมาณ 50 เมกกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนตลอดโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างแต่ละแห่งประมาณ 3-4 เดือน คาดว่า จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ได้ทั้งหมดภายในเวลา 8-10 เดือน ภายหลังที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งโรงไฟฟ้าในแต่ละแห่ง จะแบ่งรายได้จากกำไรสุทธิให้กับสหกรณ์การเกษตรที่เข้าไปร่วมลงทุนในสัดส่วน 8-10% ตลอดอายุโครงการ 25 ปี และคาดว่า จะคืนทุนได้ภายใน 7 ปี ซึ่งจะช่วยพัฒนาธุรกิจด้านพลังงานทดแทนให้เติบโตและเป็นการสร้างงานและรายได้ให้แก่ชุมชนและท้องถิ่นในระยะยาวสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
"บริษัทฯ คาดว่า จะยื่นขอเข้าร่วมโครงการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพี่อหน่วยราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรได้ภายในกลางเดือนนี้คาดว่าจะนำร่องแห่งแรกที่ จ.กาญจนบุรี จากนั้น จะกระจายไปที่ จ.นครสารรค์ ลำปาง ประจวบคีรีขันธ์ โดยจะสร้างจังหวัดละ 2-3 แห่ง รวมทั้งหมด 10 แห่งใช้ที่ดินแห่งละ 60-70 ไร่" นายพลศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ บริษัทฯ มีความพร้อมในเรื่องของที่ดินในการก่อสร้างและเป็นพื้นที่ที่มีสายส่งไฟฟ้าเข้าถึงสามารถผลิตไฟฟ้าส่งขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ได้ทันที มีความพร้อมด้านการเงินและเทคโนโลยีจากผู้ร่วมทุนชาวจีน ซึ่งหากได้รับการอนุมัติและได้รับใบอนุญาตต่างๆแล้วก็สามารถลงทุนก่อสร้างได้ทันทีซึ่งหากโครงการเดินหน้าได้ตามเป้าหมายก็จะขอขยายโครงการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มภายใน 1 ปี
นายพลศักดิ์ กล่าวว่า เงินลงทุนก่อสร้างในโครงการนี้เบื้องต้นจะใช้เงินทุนจากผู้ร่วมทุนทั้งหมดประมาณ 20-30%ที่เหลือจะมาจากเงินกู้ต่างประเทศและบริษัทฯมีแผนที่จะนำเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 3 ปีเพื่อขยายโครงการในอนาคตต่อไปทั้งนี้มองว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์นี้ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากกฟผ. ด้วยระบบ Feed-in Tariff ที่ราคา 5.66 บาทต่อหน่วยขณะที่ต้นทุนการก่อสร้างก็ลดลงเกือบ 50% จากเดิมที่มีต้นทุน 1 เมกกะวัตต์100 ล้านบาท ลดลงเหลือประมาณ 50-60 ล้านบาทจึงเป็นอัตราจูงใจให้เกิดการลงทุน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี