ที่โรมแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล พลาซา เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2558 สำนักงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้งานจัดประชุมรับฟังความเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) จากผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนทั่วไปร่างประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคม ย่าน 1800 MHz หรือ 4G
พันเอกเศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. และประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เปิดเผยว่าเงื่อนไขของผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบชัดเจนในประเด็นการคุ้มครองผู้บริโภค อีกทั้งต้องมีมาตรการและเงื่อนไขที่จะต้องควบคุมการคิดอัตราค่าบริการที่เป็นธรรม และมีราคาถูกลง ที่จะทำให้ประชาชนทุกพื้นที่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เนตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ผ่านระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่
ส่วนอัตราค่าบริการนั้น นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง และกำชับให้มุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนเป็นหลัก ดังนั้น กทค. จะทำการระบุเงื่อนไขการคุ้มครองผู้บริโภค และประโยชน์ของประชาชนให้ชัดเจน ซึ่งหากการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz ในครั้งนี้สำเร็จเรียบร้อย ก็จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
ขณะเดียวกันจะทำให้เกิดการลงทุนในโครงข่ายโทรคมนาคม และเกิดการจ้างงานมากขึ้นทั้งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมโดยตรง และในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งจะเป็นการสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ของรัฐบาลอย่างชัดเจน
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ กล่าวว่า กรอบเวลาการประมูล 4G สำหรับคลื่น 1800 MHz กำหนดตายตัวแล้วในวันที่ 11 พ.ย. 2558 นี้ ส่วนการประมูลคลื่นย่าน 900 MHz ขณะนี้ยังไม่ได้สรุปอย่างชัดเจนว่าจะประมูลในวันเดียวกันกับการประมูลคลื่น 1800 MHz หรือไม่ โดยจะรอให้การประชาพิจารณ์คลื่น 900 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 ส.ค.นี้ ให้แล้วเสร็จก่อน
นางสาวกนกพร คุณชัยเจริญกุล ตัวแทนจาก บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมูนิเคชั่น จำกัด ในเครือ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากเทียบประเทศในแถบอาเซียนด้วยกันอย่างสิงคโปร์ซึ่งมีการจัดการประมูลคลื่น 1800 MHz ไปเมื่อปี 2553 โดยให้อายุใบอนุญาต 13 ปี คิดอัตราราคาตั้งต้นไว้ที่ 465 ล้านบาทต่อ 2.5 MHz ซึ่งเมื่อหากคำนวณราคาต่อหน่วยต่อราคาตั้งต้นที่กสทช.กำหนดไว้พบว่า ราคาของประเทศไทยสูงกว่าที่สิงคโปร์ถึง 7.6 เท่า
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟไทย-จีน ว่า ในวันที่ 6-8 ส.ค. 2558 ที่เมืองเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน จะมีการหารือถึงความคืบหน้าการสำรวจ และออกแบบ ซึ่งฝ่ายไทยจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการวางระบบราง และการวางรูปแบบสถานีแต่ละแห่ง ซึ่งจะมีการศึกษาดูงานเส้นทางรถไฟที่เมืองเฉิงตู
ทั้งนี้จะได้ข้อสรุปเรื่องระบบราง,สถานี, ผลสรุปการศึกษา และรูปแบบการลงทุนที่เป็นรูปแบบความร่วมมือการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งรัฐบาลไทยเป็นเจ้าของโครงการทางจีนจะเป็นผู้ออกแบบ จัดหาระบบ และก่อสร้าง หลังจากวันที่ 8 ส.ค.นี้ รวมถึงจะมีการหารือรูปแบบการลงทุนที่ก่อนหน้านี้ทางจีนได้มีการเสนออัตราดอกเบี้ย 4% แต่ไทยขอเสนอดอกเบี้ยให้เหลือ 2%
รมว.คมนาคมกล่าวว่า ตัวแทนรัฐบาลจีนจะเดินทางมาไทยในวันที่ 29 ส.ค.นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับร่างข้อตกลงด้านอื่น และหารือเพื่อเตรียมพร้อมในการจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงภายหลังการสำรวจและการออกแบบแล้วเสร็จ โดยมีข้อตกลงว่าจะมีการประเมินมูลค่าโครงการ และการตั้งคณะกรรมการ
ที่ปรึกษาสองฝ่ายโดยจะมีคนกลางในการรับผิดชอบก่อนจะออกมาเป็นสัญญา โดยหากสัญญาแล้วเสร็จจะสามารถเริ่มการก่อสร้างได้ในช่วง ต.ค.ปีนี้
โดยตามแผนโครงการทางคู่ ตอนที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย และตอนที่ 3 ช่วงแก่งคอย-โคราช ได้ในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งวางแผนไว้ว่าจะมีสถานีเชียงรากน้อย ส่วนตอนที่ 3 เป็นสถานีปากช่อง เป็นสถานีปฐมฤกษ์ในการก่อสร้าง ทั้งนี้ หลังจากการหารือจะมีการชี้แจงอีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี