เงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมติดลบ 1.05% ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 พาณิชย์อ้างเหตุเศรษฐกิจไม่ฟื้น น้ำมันร่วง ยืนกรานยังไม่ใช่เงินฝืดเพราะประชาชนยังจับจ่ายแม้จะน้อยลง ขอเวลาเช็คอีกเดือน เตรียมปรับคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อใหม่ พร้อมกางราคาสินค้าไทยถูกกว่าเพื่อนบ้านเยอะ ไม่แพงอย่างที่คิด
นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ หรือ เงินเฟ้อ เดือนกรกฎาคม 2558 อยู่ที่106.57 ติดลบ 0.07% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และติดลบ 1.05% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่อง 7 เดือนติดต่อกัน แต่ก็เป็นการติดลบที่น้อยลงกว่าเดือนก่อนที่ติดลบ 1.07% โดยการติดลบของเงินเฟ้อเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว ราคาสินค้าลดลงตามต้นทุนราคาน้ำมันลดลง ขณะที่เฉลี่ย 7 เดือน (มกราคม-กรกฎาคม 2558) ลดลง 0.85% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ก็ยืนยันว่ายังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เนื่องจากประชาชนยังใช้จ่ายแต่ก็ยอมรับว่ากำลังซื้อลดลงไป เพราะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง
“เงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมติดลบแต่ก็เป็นการติดลบที่น้อยลงจากเดือนก่อน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าเงินเฟ้อจากนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ และกลับมาเป็นบวกในไตรมาสที่ 4 ส่วนไตรมาสที่ 3 เงินเฟ้อน่าจะอยู่ในกรอบ ลบ 0.3% ถึง ลบ 0.5% สำหรับเงินเฟ้อที่ติดลบต่อเนื่องติดกัน 7 เดือน ในทางทฤษฎีอาจเป็นเงินฝืด แต่เราก็ต้องมาดูว่าที่เงินเฟ้อติดลบติดต่อกันนั้นเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลง เมื่อต้นทุนสินค้าลด ราคาสินค้าก็ลดลง ไม่ใช่เป็นเพราะประชาชนไม่ใช้จ่าย”
การเคลื่อนไหวของสินค้าสำคัญ 450 รายการมีสินค้าที่ปรับสูงขึ้น 165 รายการ เช่น ปลาทู กุ้งขาวผัก ผลไม้สด ค่าเล่าเรียน เป็นต้น สินค้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงราคา 201 รายการ และสินค้าที่ปรับราคาลดลง 84 รายการ เช่น นมผง มะนาว น้ำมันพืชสบู่ เป็นต้น โดยในหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ราคาสูงขึ้น 0.41% ตามการสูงขึ้นของราคาผักสดเพราะสภาพอากาศที่แห้งแล้ง การสูงขึ้นของราคาเนื้อสุกร ไก่สด ไข่สด ปลาน้ำทะเลสด กาแฟผงสำเร็จรูป โซดา อาหารตามสั่ง เป็นต้นขณะที่ข้าวสารเหนียว มะนาว ต้นหอม เงาะ น้ำมันพืชมะพร้าว ราคาลดลง ส่วนหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ดัชนีราคาลดลง 0.34%ตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง รวมถึงราคาสบู่ แชมพูสระผม ครีมนวดผม ผ้าอนามัย ผงซักฟอก น้ำยาดับกลิ่น น้ำยารีดผ้า เป็นต้น
อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์เตรียมปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 2558 ลงตามสถานการณ์ปัจจุบันเดิมคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวอยู่ในกรอบ 0.6-1.3% ภายใต้สมมุติฐานระดับราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบเฉลี่ย 50-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 32-35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
และเศรษฐกิจไทยขยายตัว 3-4% ทางกระทรวง จะติดตามสถานการณ์อีกสักระยะ หรืออีกประมาณ 1 เดือน เพื่อให้ได้ความชัดเจน เพราะสมมุติฐานหลายๆ ตัวเปลี่ยนแปลงไปมาก เช่น ราคาน้ำมันที่เดิมมองว่าน่าจะปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ก็ไม่น่าจะสูงขึ้นมากอย่างที่ได้คาดไว้ ภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัว และเงินบาทอ่อนค่าลงจากสมมุติฐานเดิมล่าสุดอยู่ที่กว่า 34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จากเดิมคาดอยู่ในช่วง 32-34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
“ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเงินเฟ้อปีนี้จะติดลบหรือไม่ แต่น่าจะเปลี่ยนแปลงจากเดิม เพราะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง แต่ขณะนี้กระทรวงยังคงคาดการณ์เดิมไว้ก่อน โดยจะขอประเมินสถานการณ์อีกสักระยะ หรือประมาณ 1 เดือน ก็น่าจะเห็นความชัดเจน”
นอกจากนี้จากการติดตาม ตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าอาหารของประเทศเพื่อนบ้านอีก 7 ประเทศได้แก่ พม่า กัมพูชา สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ จีนและไต้หวัน เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมาพบว่าจากการสำรวจสินค้าอาหาร เช่น ราคาข้าวสาร ไก่สด ไข่ไก่ น้ำตาลทราย เนื้อสุกร และน้ำมันพืชราคาสินค้าอาหารของไทยหลายรายการมีราคาต่ำกว่าหลายประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าราคาอาหารของไทยไม่ได้แพงอย่างที่คนไทยคิด แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องค่าครองชีพอาจต่างกันบ้าง โดยการสำรวจราคาข้าวสารของไทยมีราคาถูกสุดอยู่ที่ กก.ละ 31.36 บาท รองมาคือ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ส่วนสิงคโปร์แพงสูงอยู่ที่ กก.ละ 62.80 บาท ราคาไก่สดของไทย กก.ละ 92.78 บาท ถูกที่สุดตามมาด้วยเวียดนามและฟิลิปปินส์ ขณะที่สิงคโปร์แพงสุดที่กก.ละ 276.32 บาท
ด้านราคาไข่ไก่ของไทยราคาฟองละ 3.31 บาทและสิงคโปร์สูงสุด ฟองละ 8.79 บาท และน้ำตาลทรายของไทยกก.ละ 23.63 บาท จีนสูงสุดกก.ละ 88.16 บาท ส่วนราคาเนื้อสุกร ประเทศเวียดนามมีราคาถูกสุด กก.ละ 135 บาท ตามด้วยพม่า และไทย ซึ่งราคาอยู่ที่ กก.ละ 155 บาทขณะที่สิงคโปร์สูงสุด กก.ละ 703.36 บาท และราคาน้ำมันพืชของฟิลิปปินส์ถูกสุด ขนาดขวด1 ลิตร ราคา 48.36 บาท ตามด้วยพม่า และไทย ราคาขวดละ 51.77 บาท และสิงคโปร์สูงสุด ขวดละ135.64 บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี