ตลาดหุ้นไทยแดงเถือกดัชนีดิ่งเหว64จุด
เก็งกำไรฝุ่นตลบเงินสะพัดกว่า6หมื่นล้าน
ปัญหาจีน สหรัฐ ตอกย้ำความเปราะบางเศรษฐกิจโลก ทุบตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงระนาว รวมถึงหุ้นไทย นักลงทุนแห่เทขาย กดดัชนีร่วง 64 จุด ลดลง 4.73% รมว.คลังชี้มาจากปัจจัยต่างประเทศ มั่นใจรัฐบาลเข็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา สถานการณ์จะดีขึ้น
ตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2558 เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวันจนกระทั่งปิดตลาดที่ระดับ 1,301.06 ลดลง 64.55 จุด หรือลดลง 4.73% มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 60,491.34 ล้านบาท
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ทิศทางของตลาดฯหุ้นไทยปรับตัวลดลงสอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลก จากการปรับฐานของสินค้าโภคภัณฑ์ โดยมีปัจจัยที่เข้ามากดดันเพิ่มเติม ได้แก่ ตัวเลขภาคการผลิตของจีนที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดฯคาด ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 หรือในรอบกว่า 6 ปี ด้านตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐ ก็ออกมาในระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี เช่นกัน ซึ่งตัวเลขที่อ่อนแอนี้สะท้อนความเปราะบางของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกมากขึ้น
สำหรับในประเทศ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีเป็นตัวที่กดดันดัชนีฯตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานที่มีผลต่อดัชนีฯถึง 9 จุด นอกนั้น หุ้นกลุ่มอื่นๆ เป็นการปรับตัวลดลงตามภาวะของตลาดฯ และแรงขายที่เกิดจากหุ้นกลุ่มดังกล่าว รวมถึงแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามากดดันเพิ่มเติม สะท้อนได้จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
ส่วนทิศทางของตลาดหุ้นไทยในลำดับถัดไป มองว่า ดัชนีฯ ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบต่อ เนื่องจากปัจจัยที่เข้ามากดดัน
ทั้งเรื่องของตัวเลขภาคการผลิตของจีนและสหรัฐที่สะท้อนความเปราะบางต่อเศรษกิจโลก ประกอบกับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานภายในประเทศ และแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ
กลยุทธ์การลงทุน ในช่วงจังหวะที่ตลาดฯปรับตัวลงนี้ ยังไม่ใช่จังหวะของการขาย อีกทั้งคาดว่านักลงทุนต่างชาติจะยังคงเป็นผู้ขายสุทธิหุ้นไทยต่อไป จึงแนะนำสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อ ให้เลือกหุ้นที่ปลอดภัยจากแรงขายและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่ตลาดหุ้นร่วงลงแรงว่า การที่คนขายเยอะคนซื้อน้อยก็มีส่วนทำให้ตลาดหุ้นปรับลดลงได้ และการที่ตลาดหุ้นร่วงก็มีหลายปัจจัยประกอบ ไม่ใช่สาเหตุภายในประเทศเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยภายนอก เช่น เศรษฐกิจโลกประกอบด้วย พร้อมมองว่าถ้าส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจก็ต้องเป็นห่วงเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งก็ต้องหาวิธีดูแลให้เศรษฐกิจมีความมั่นคง
“ยกตัวอย่างกรณีเกิดเหตุการณ์แบล็คมันเดย์ ตอนนั้นปัจจัยพื้นฐานเราไม่มีปัญหา แต่สหรัฐมีปัญหา ก็พากันตกไปทั่วโลก จึงถือเป็นเรื่องผลกระทบตามภาวะตลาดที่มีการเชื่อมโยงถึงกัน โดยเชื่อว่าหลังจากนี้เมื่อรัฐบาลผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาแล้วเชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น ซึ่งเรื่องหุ้นมีทั้งคนซื้อและคนขายเป็นเรื่องปกติ มีคนขายมากมีคนซื้อน้อยก็ปรับตัวลดลงเป็นธรรมดา ไม่อยากให้คิดว่ามาจากเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง เรื่องหุ้นมันเกี่ยวกับหลายสาเหตุ” นายอภิศักด์ กล่าว
นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย(โฆษก ธปท.) กล่าวว่า การปรับตัวของตลาดหุ้นไทยครั้งนี้เป็นสิ่งที่คาดหมายได้ เนื่องจากเป็นการปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในโลก ทั้งนี้ ในการประเมินผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจควรพิจารณาด้วยความระมัดระวัง คำนึงถึงทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ไม่ให้น้ำหนักกับปัจจัยหนึ่งปัจจัยใดมากเกินไป โดยเฉพาะในตลาดหุ้นซึ่งเป็นการปรับตัวที่มีความอ่อนไหวที่อาจผันผวนได้ในระยะสั้น ทางด้านตลาดการเงินในประเทศนั้น เคลื่อนไหวสอดคล้องกับตลาดการเงินในภูมิภาค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี