สมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหารอินทัช กรุ๊ป โฮลดิ้งคัมพะนี กำลังจะเกษียณอายุการทำงานในปลายปี 2558 นี้ เปิดใจ หลังนั่งเก้าอี้นี้มากว่า 23 ปี
“ผมอยู่ตรงนี้มา 23 ปีอยู่ในตำแหน่งนี้มา 8 ปีผมเติบโตมาพร้อมกันตั้งแต่ยังเป็นบริษัทเล็กๆ ผมเดินมาถึงจุดนี้ ที่เห็นความเจริญก้าวหน้าและโอกาสที่จะเติบโตไปในอนาคตของบริษัท สิ่งที่อยากฝากหลังจากจะเกษียณคืออยากให้ปณิธานการทำงานเพื่อลูกค้า เพื่อคู่ค้า และประโยชน์ของผู้ถือหุ้นส่งต่อไปยังพนักงานและผู้บริหารของเราหลังจากนี้ ซึ่งสิ่งนี้ถือความท้าทายอย่างมาก”
ปัจจุบัน อินทัช กรุ๊ปฯเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่มีบริษัทในเครืออย่าง อาทิ แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส, บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) และ บริษัทซีเอส ล็อกซอินโฟร์ จำกัด (มหาชน)
“ความท้ายทายการทำงานหลังจากนี้ อยากให้อุดมการณ์ ทั้งหมดเหล่านี้ได้ถูกถ่ายทอดไปยังทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้น ลูกหนี้ ลูกค้า พนักงาน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่ผมทำ ทำให้ผมภูมิใจการบาลานซ์กับบุคลากรหรือพนักงานของบริษัทซึ่งเป็น Human Resource เป็นสินทรัพย์สำคัญ ทุกๆตำแหน่งในโครงสร้างของบริษัทมีความสำคัญเท่ากันหมด ดังนั้น พนักงานทุกคนจึงมีความรู้และประสบการณ์ จึงควรจะรักษาไว้ เพื่อมาพัฒนาทางด้านทัศนคติให้มีประสิทธิภาพ”
เขามองว่าการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในช่วงตลอด 20 ปีที่นั้น ตั้งแต่ยุคโทรศัพท์บ้าน การเชื่อมต่ออินเตอร์เนตผ่านโมเด็ม มาถึงยุคโทรศัพท์เคลื่อนที่ การเริ่มเรียนรู้การรับส่งข้อมูลภาพ ดาต้าผ่านจีพีอาร์เอส, เอดจ์ เข้าสู่ยุค 3G และกำลังจะไปสู่การทำงานบนระบบปฏิบัติการ 4G และก้าวไปถึง “บิ๊กดาต้า”
“การให้บริการโครงข่ายระบบ 4G ไม่ใช่เพียงการให้บริการที่ระดับความเร็วเพิ่มขึ้น จาก 2G และ 3G และการประมูลใบอนุญาต 4G บนคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) คือการก้าวไปสู่การพัฒนาของระบบการให้บริการไปอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนของบริการที่ต้องการคุณภาพการใช้งานที่ดีขึ้นเร็วขึ้น”
“วันนี้เราพร้อมเกินกว่า 100% สำหรับการเข้าประมูล 4G เอไอเอสหวังจะให้บริการลูกค้าด้านเครือข่ายที่ดีที่สุดด้วย 3+4 คือ 3G ควบคู่กับ 4G ดีกว่าที่เราจะมีแค่ 2G บวกกับ 3G การประมูล 4G มีประโยชน์ต่อประเทศชาติสิ่งที่จะเกิดตามมามีการลงทุนใหม่ๆ อย่างการขยายโครงข่าย 4G จะก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจในประเทศมีสภาพคล่องมากขึ้น ซึ่งประเด็นในภาคเอกชนเองมองว่ามีความสำคัญมากเพราะจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระดับมหภาคลงลึกไปถึงรายย่อย เพราะแม้เศรษฐกิจของประเทศจะสวิงแค่ไหน แต่อุตสาหกรรมโทรคมนาคมกลับมีเสถียรภาพมาก”
ส่วนการประมูลใบอนุญาต 1800 และ 900 MHz ของ สำนักงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นั้น เอไอเอส มีความพร้อมเกินกว่า 100% โดยราคาตั้งต้นที่ออกมาสำหรับใบอนุญาต 1800 MHz ที่ราคา 15,912 ล้านบาทนั้น ส่วนตัวไม่ขอพูดว่าราคาสูงไปหรือต่ำไป แต่ราคาที่ออกมาก็เป็นราคาที่บริษัทรับได้ มีความเป็นไปได้ที่สามารถจะเข้าแข่งขัน โดยขั้นต่ำที่ฝ่ายบอร์ดบริหารและทีมที่ปรึกษาเพื่อพิจารณาความเหมาะสมและราคาทั้งนี้ ความพร้อมของ เอไอเอส 2 ข้อคือ 1.ความพร้อมด้านเทคโนโลยี 2.ตลาดและการวางแผน รวมถึงบุคลากรของเอไอเอสที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการตลาด ทีมวิศวกร ที่ผ่านมาเอไอเอสมีการพัฒนาแอพพลิเคชั่น เซอร์วิส เน็ตเวิร์ก แพลนนิ่ง และเงินลงทุน พร้อมหมดทุกอย่าง ซึ่งการประมูลส่วนตัว ก่อให้เกิดผลดีรัฐบาลมีความเข้าใจเศรษฐกิจดิจิทัล แม้ว่าจะมีการเดินหน้าขับเคลื่อนดิจิทัล อีโคโนมีหรือไม่ เพราะส่วนตัวมีความเชื่อว่า เรื่องการประมูลเป็นสิ่งที่ดี ยกระดับการพัฒนาประเทศ สามารถนำเงินเข้าประเทศได้อย่างมหาศาล เกิดการจ้างงานทั้งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมภาษีรายได้ทั้งบุคคล และบริษัทก่อให้เกิดการใช้จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม
“การแข่งขันของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมหลังจากได้ใบอนุญาต 4G แล้ว มองว่าในปี 2559 การแข่งขันจะไปอยู่ที่เรื่องของการพัฒนาแอพพลิเคชั่น เซอร์วิส การทำคอนเทนต์ (เนื้อหา) ให้มีความหลากหลายและเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ทุกกลุ่ม ช่วยยกระดับลูกค้าให้เป็นกลุ่มผู้ใช้งานที่มี Knowledge มากยิ่งขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการเชื่อมต่อผู้ใช้ที่เป็นกลุ่มบนที่อยากได้ความเร็วสูงขึ้น” สมประสงค์ กล่าวในตอนท้าย
น้ำฝน บำรุงศิลป์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี