nn บมจ.ไทยออยล์...วิเคราะห์แนวโน้มราคาน้ำมันดิบตลาดโลกช่วงสัปดาห์นี้ (31 ส.ค.-4 ก.ย. 2558)...โดยระบุว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยหลังสถานการณ์ตลาดหุ้นโลกเริ่มคลี่คลายลง ประกอบกับการที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ น่าจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนก.ย. นอกจากนี้ มีแนวโน้มที่ธนาคารกลางยุโรปอาจปรับเพิ่มวงเงินในการเข้าซื้อสินทรัพย์เพิ่มมากขึ้นหรืออาจจะทำการยืดระยะเวลาของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณออกไปจากเดือนที่สิ้นสุด ก.ย. ปีหน้าในการประชุมวันที่ 3 ก.ย. อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบอาจจะฟื้นตัวได้ในกรอบจำกัดเนื่องจากอุปทานน้ำมันส่วนเกินยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยมีสาเหตุจากผู้ผลิตกลุ่มโอเปกและสหรัฐ ยังคงปริมาณการผลิตในระดับสูง...คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 38–43 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 43–48 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล...nn
ธุรกิจผลิตไฟฟ้ากำลังคึกคัก...บางจากฯ เตรียมเสนอแผนการเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศขนาด 30-40 เมกะวัตต์ และการร่วมมือกับกลุ่มสหกรณ์เพื่อยื่นข้อเสนอขายไฟฟ้าโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร (โซลาร์ฟาร์ม) อีก 40-50 เมกะวัตต์...หวังช่วยหนุนให้กำลังผลิตเป็นไปตามเป้าหมายที่ 200 เมกะวัตต์ ในปีนี้ จากปัจจุบันที่มีกำลังผลิตไฟฟ้าเดินเครื่องแล้ว 118 เมกะวัตต์
เป็นโซลาร์ฟาร์มทั้งหมด...nn
ส่วนบริษัทโซลาร์ตรอน... ผู้ผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์...คุยฟุ้งมีกำลังผลิตเพียงพอสำหรับรองรับโครงการโซลาร์ฟาร์มสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์การเกษตร 800 เมกะวัตต์...ผู้ลงทุนและหน่วยงานราชการไม่ต้องห่วงเดินหน้าตามแผนลงทุนได้เลย...nn
ขณะที่บริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่... เดินหน้าโครงการศูนย์ผลิตสาธารณูปการแห่งที่ 4 โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่สามารถผลิตได้ทั้งไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำปราศจากแร่ธาตุ ภายในนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย จ.ระยอง และผ่านการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมอีไอเอแล้ว กำลังผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 392 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 900 ตัน/ชม. ...nn
สถาบันปิโตรเลียมไทยร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์... เปิดเผยข้อมูลผลการศึกษาโครงการศึกษาเพื่อส่งเสริมการลงทุนและพัฒนา Bio Hub เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมชีวภาพของไทยสู่ระดับโลก สร้างรายได้เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร โดยเฉพาะอ้อย มันสำปะหลัง และน้ำมันปาล์ม เนื่องจากไทยมีศักยภาพเรื่องสินค้าเกษตร มีการส่งออกอ้อยเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากบราซิล มันสำปะหลังเป็นอันดับต้นๆ จะทำอย่างไรให้มีมูลค่ามากขึ้นตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำและใช้ผลผลิตให้เต็มศักยภาพมากที่สุด คือการผลักดันให้สู่อุตสาหกรรมในรูปของก๊าซชีวภาพ พลาสติกชีวภาพ...nn
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี