นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย สอท.สภาหอการค้าไทยและสมาคมธนาคารไทย ในวันที่ 2 ก.ย.นี้ คาดว่า กกร.จะมีการปรับตัวเลขประมาณการการส่งออกและอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ จีดีพีใหม่ในปีนี้ใหม่ อีกครั้ง โดยเบื้องต้นส่งออกคาดว่าจะติดลบ 4%จากเดิมตั้งเป้าว่าจะติดลบ 2% เท่านั้น และจีดีพี จะโตต่ำกว่า 3% จากเดิมตั้งเป้า
เติบโต 3.5%
“การปรับเป้าตัวเลข ดังกล่าว มีปัจจัยหลักมาจากตัวเลขส่งออก 7เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) ที่ล่าสุดติดลบ 4.66% ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ภาวะเศรษฐกิจภาพรวม โดยเฉพาะจีนก็ยังคงชะลอตัวทำให้ตลาดส่งออกหลักๆ ยังคงไม่ดีขึ้น และยังมีปัญหาค่าเงินหยวน ทำให้ผู้ส่งออกของไทยต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทำให้จะต้องมาประเมินแนวโน้มอีกครั้ง เมื่อจีนลดค่าเงินหยวน ส่วนสหรัฐที่ภาวะเศรษฐกิจเริ่มจะค่อยๆ ฟื้นตัว แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกดีขึ้น” นายวัลลภกล่าว
สำหรับการลงทุนในประเทศไทย ในขณะนี้ต้องยอมรับว่าจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ชะลอตัวทำให้นักลงทุนทั่วโลก ย่อมต้องชะลอการขยายการลงทุนออกไปด้วยเช่นกัน เพื่อรอประเมินความชัดเจนก่อน ดังนั้นหากรัฐบาล จะเร่งให้เกิดการลงทุน ก็ควรจะมีการปรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่โดยเฉพาะการให้สิทธิประโยชน์การลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ที่จูงใจด้านภาษีฯมากขึ้นในบางอุตสาหกรรมจากที่ถูกตัดลดลงไปตามยุทธศาสตร์ใหม่บีโอไอ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน สอท. กล่าวว่า ขณะนี้ภาคเอกชนอยู่ระหว่างติดตามและประเมินผลมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ว่าจะมีผลต่อการขยายตัวของ จีดีพี ของประเทศมากน้อยเพียงใดโดยเฉพาะล่าสุดที่กระทรวงการคลังเตรียมเร่งเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนโครงการขนาดเล็ก 130,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นๆ ในประเทศเป็นหลัก ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่าจะช่วยกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ และทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อมากขึ้น ส่วนในระยะยาวรัฐบาล ต้องเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และระบบราง และส่งเสริมดิจิตอลอีโคโนมิต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นอกเหนือจากมาตรการแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร และการช่วยเหลือ เอสเอ็มอี ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วนอยู่แล้ว ภาคเอกชนต้องการเห็นความคืบหน้าจากภาครัฐในการเจรจาเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างไทย-อินเดีย ไทย-ปากีสถาน ไทย-ตุรกี รวมถึงการผลักดันการค้าชายแดนให้มากขึ้น เพื่อรองรับการเปิดเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ส่วนการส่งออก ในขณะนี้คงต้องใช้เวลาฟื้นตัวสักระยะหนึ่ง เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่างประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี